KBANK เผยลูกค้า 15 รายจ่อออกหุ้นกู้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6.1 หมื่นลบ.
KBANK เผยลูกค้าในมือ 15 รายจ่อออกหุ้นกู้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6.1 หมื่นลบ. ประเมินดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,450 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจากการเลือกตั้งในปี 60
นายธิติ ตันติกุลานรท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้ามีลูกค้าของธนาคารออกหุ้นกู้เอกชนในปีนี้ราว 6.1 หมื่นล้านบาท จำนวน 15 ราย หรือคิดเป็น 13% ของมูลค่าหุ้นกู้เอกชนในตลาดทั้งหมดปีนี้ 4.7 แสนล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่มีมูลค่า 4.9 แสนล้านบาท เนื่องจากในปีก่อนมีบริษัทออกหุ้นกู้ไปมากแล้ว ทำให้ปีนี้ความต้องการออกหุ้นกู้ลดลงไปเล็กน้อย แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังอยู่ไนระดับต่ำ
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/59 จะมีลูกค้าของธนาคารออกหุ้นกู้ 1 ราย มูลค่า 5-6 พันล้านบาท เป็นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค และมีวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นเพื่อใช้เงินุนในการขยายธุรกิจ ขณะที่ธนาคารมีลูกค้าที่อยู่ระหว่างการเจรจาออกหุ้นกู้อีก 4-5 ราย
“มูลค่าหุ้นกู้เอกชนปีนี้ลดลง 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นการออกหุ้นกู้เพื่อรีไฟแนนซ์ และครบกำหนดเท่านั้น และมูลค่าหุ้นกู้เอกชนของตลาดปีนี้ได้รวมการลงทุน 4G ไปแล้ว ซึ่งยังไม่รวมดีล BIGC เนื่องจากโดยปกติจะเป็นการใช้สินเชื่อไปก่อน หากไม่เพียงพอและอาจหาเครื่องมือใหม่ เช่น การออกหุ้นกู้ เป็นต้น”นายธิติ กล่าว
ขณะที่ KBANK ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) สิ้นปีนี้ไว้ที่ 1,450 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจากการเลือกตั้งในปี 60 ซึ่งหากเกิดขึ้นได้จริงก็จะเป็นการเรียกความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชนกลับมาลงทุน หลังจากที่ผ่านมาเป็นการลงทุนจากรัฐบาลเป็นหลัก ด้านอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้ประเมินว่าจะขยายตัว 3% อย่างไรก็ตาม ในเดือน มิ.ย.จะมีการทบทวนประมาณการดังกล่าวอีกครั้ง หากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาลยังไม่ส่งผลเต็มที่
ด้านค่าเงินบาทสิ้นปี 59 ประเมินไว้ที่ 38 บาท/ดอลลาร์ จากปัจจุบันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50-36.00 บาท/ดอลลาร์ โดยคาดว่าแนวโน้มค่าเงินบาททั้งปีนี้จะยังคงอ่อนค่า เนื่องจากปัจจัยทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลกลับไปยังสหรัฐ ประกอบกับ เศรษฐกิจจีนชะลอตัวส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคนี้อ่อนค่าลงต่อเนื่อง
ขณะที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ คือ ในช่วงเดือน มิ.ย.และเดือน พ.ย. โดยในการประชุมเดือน มี.ค.นี้มองว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับเดิมไปก่อน เนื่องจาก 1 ใน 2 ปัจจัยที่เฟดกังวล คือ อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่ยังไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ในระดับ 2% โดยปัจจุบันอยู่ที่ 1.3-1.4% ขณะที่ตัวเลขการว่างงานถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย และคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ต่อปีเช่นเดิมในปีนี้