เคลียร์คัต CFP! กดราคา TOP ร่วง 15% นลท.กังวลต้นทุนเพิ่ม-โบรกฯ แนะจับตาชี้แจงบ่ายนี้

คลียร์คัตโครงการ CFP ควักเพิ่ม 6.3 หมื่นล้าน! กด TOP ร่วง 15% นักลงทุนกังวลต้นทุนสร้างโครงการเพิ่มราว 33% โบรกฯแนะจับตาชี้แจงข้อมูลนักวิเคราะห์เพิ่มเติมบ่ายวันนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(20 ธ.ค.67)ราคาหุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ณ เวลา 11:54 น. อยู่ที่ระดับ 29.50บาท ลบ 5.50 บาท หรือ 15.71% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.2 พันล้านบาท ราคาสูงสุด 32.00 บาท ราคาต่ำสุด 28.50 บาท คาดนักลงทุนกังลเพิ่มทุน 6.3 หมื่นล้านบาท ทำต้นทุนก่อสร้างโครงการ CPF เพิ่ม อย่างไรก็ตามแนะนักลงทุนจับตาการชี้แจงข้อมูลนักวิเคราะห์เพิ่มเติมช่วงบ่ายวันนี้

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(20 ธ.ค.67) ว่า จากประเด็นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP  มีมติเพิ่มเงินลงทุนโครงการพลังงานสะอาด ( Clean Fuel Project หรือ CFP) ราว 63,028  ล้านบาท และดอกเบี้ยระหว่างก่อสร้างราว 17,922 ล้านบาท

สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ผู้รับเหมาฯหลักไม่ชำระเงินค่าจ้างให้กับผู้รับเหมาฯช่วง ทำให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างการเพิ่มเงินลงทุน CFP ข้างต้นจะต้องผ่านการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น (เสียง 3 ใน 4 ของผู้เข้าร่วมประชุม) ซึ่งจะจัดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 โดยโครงการ CFP จะทยอย COD แต่ละหน่วยไปจนถึงไตรมาส 3ปี 2571 ซึ่งถือว่าล่าช้ากว่าแผน เดิมที่จะทยอย COD ภายใน 2025  แหล่งที่มาของเงินส่วนเพิ่มจะมาจากเงินกู้ และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ที่มา: SET

ทั้งนี้ความเห็นและคำแนะนำมอง Negative ต่อมูลค่าโครงการ CFP (ไม่รวมดอกเบี้ย )ที่จะเพิ่มขึ้นมากอีก 33% หากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยเมื่อรวมกับดอกเบี้ยระหว่าง ก่อสร้างจะคิดเป็นงบลงทุนที่เพิ่มขึ้นรวมราว 80,950 ล้านบาท หรือ เบื้องต้นกระทบราคาเป้าหมายของเราราว 36 บาท/หุ้น จากราคาเป้าหมายเดิมที่ระดับ 73.50 บาท/หุ้น และกระทบคำแนะนำอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนใน TOP เนื่องจากมูลค่าลงทุนโครงการ CFP ที่เพิ่มขึ้นส่งให้ผลตอบแทนโครงการเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ และมี downside ต่อราคาเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ (ยังไม่รวมความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้อีกระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะมีการ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มในการประชุมช่วงบ่ายวันนี้) อยู่ระหว่างปรับลดประมาณการและคำแนะนำของ TOP สะท้อนผลกระทบมูลค่าลงทุนที่เพิ่มขึ้นของโครงการ CFP แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุน

อนึ่งจากการอนุมัติเพิ่มทุนในครั้งนี้งบประมาณรวมของโครงการ CFP ปรับเป็น 241,472 ล้านบาท (ประมาณ 7,151 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการก่อสร้าง การจัดซื้ออุปกรณ์ส่วนที่เหลือ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าที่ปรึกษารวมถึงดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างที่รวมอยู่ในจำนวน 37,216 ล้านบาท

ด้านบล.บัวหลวงระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ว่า TOP ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2024 มีมติอนุมัติให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการเพิ่มเงินลงทุนในโครงการ Clean Fuel Project (CFP) จำนวนประมาณ 63,028 ล้านบาท (หรือประมาณ 1,776 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 17,922 ล้านบาท (หรือประมาณ 505 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

โดยเงินลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าวจะนำไปใช้เพื่อการก่อสร้างโครงการ, การจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ส่วนที่เหลือ, และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการ เช่น ค่าที่ปรึกษาต่างๆ เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการออกตราสารหนี้และเงินกู้ยืม, การบริหารสภาพคล่อง, และกระแสเงินสดจากการดำนเนินงาน

ทั้งนี้คาดว่าการก่อสร้างของหน่วยผลิตต่างๆ จะแล้วเสร็จ (และพร้อมทดลองเดินเครื่องจักร) ในช่วงไตรมาส 2/70-ไตรมาส3/71 และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วไตรมาส 3/71

จากการประเมินเบื้องต้น การลงทุนเพิ่มเติมและความล่าช้าของโครงการดังกล่าว (ล่าช้าออกไปจากสมมติฐานปัจจุบันของเราที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2026) คาดว่าจะคิดเป็น downside risk ต่อประมาณการกำไรปี 2025 ราว 2% และเป็น downside risk ต่อประมาณการกำไรปี 2026-2028 ราว 24% โดยเฉลี่ย และคาดว่า net debt/equity จะเพิ่มขึ้นจากระดับประมาณ 0.4 เท่า เป็น 0.6 เท่า โดยกำหนดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 ก.พ. 2025 (XM 3 ม.ค. 2025) ในรูปแบบการปะชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM)

ทั้งนี้ข่าวดังกล่าวน่าจะเป็น negative sentiment ต่อราคาหุ้น นอกจากนั้น downside risk ต่อประมาณการกำไรน่าจะเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นต่อไปจึงคงคำแนะนำ ขาย

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในแวดวงตลาดทุนมีมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ TOP ว่า การปรับตัวลงมาของราคาหุ้น TOP วันนี้ เกิดจากการรับรู้ข่าวที่เกิดขึ้น ที่ TOP ตัดสินใจแก้ไขปัญหาเพิ่มเงินลงทุน เพื่อให้โครงการ CFP สามารถเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2571 นั้นเท่ากับว่า ราคาที่ปรับตัวลงอาจเป็นจังหวะในการพิจารณาลงทุน เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้

Back to top button