TOP ดีด 5% รับเพิ่มเงินลงทุน CFP ไม่กระทบนโยบายปันผล
TOP บวกแรง 5% รับข่าวลงทุน CFP เพิ่ม 6.3 หมื่นล้านบาท ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน มาจากเงินสด รวมทั้งการออกหุ้นกู้และเงินกู้ยืม มั่นใจไม่กระทบเงินปันผล ฟากโบรกเคาะเป้า 29 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (24 ธ.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ณ เวลา 10:03 น อยู่ที่ระดับ 26.75 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.90% สูงสุดที่ระดับ 27.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 26.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115.82 ล้านบาท
โดยสืบเนื่องมาจาก ผู้บริหารระดับสูง TOP ได้เปิดให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังการชี้แจงและซักถาม กรณีเพิ่มเงินลงทุน โครงการพลังงานสะอาด Clean Fuel Project (CFP) มูลค่า 63,028 ล้านบาท และดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 17,922 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯ เตรียมนำสื่อมวลชนเข้าชมความคืบหน้าของโครงการภายในเดือน มกราคมนี้
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TOP กล่าวว่า บริษัทจะใช้ในการดำเนินการก่อสร้างโครงการพลังงานสะอาดให้แล้วเสร็จ ภายในช่วงไตรมาส 3/71 หลังจากคณะกรรมการอนุมัติเพิ่มงบลงทุนโครงการดังกล่าว จะเสนอขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/68 วันที่ 21 ก.พ. 68
ส่วนความเสียหายของโครงการพลังงานสะอาดที่ล่าช้านี้ ภายใต้สัญญางานออกแบบ จัดหา และก่อสร้าง หรือ EPC ได้ครอบคลุมสิทธิที่ TOP จะเรียกร้องค่าเสียหาย กับ กลุ่มผู้รับเหมาหลัก UJV ที่ประกอบด้วย Samsung, Petrofac และ Saipem หากโครงการส่งมอบล่าช้า โดย TOP จะฟ้องบังคับใช้ตามสัญญา เพื่อรักษาผลประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นและบริษัท ซึ่งการบังคับใช้สิทธิจะต้องทำตามขั้นตอนภายใต้สัญญาฯ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการตามสัญญา ไม่สามารถบังคับใช้ได้ทันที คงต้องรอให้สิ้นสุดสัญญาปี 68 ก่อน
“ขณะนี้อยู่ในกระบวนการตามสัญญา หน้าที่บริษัทต้องรักษาสิทธิก่อน เมื่อถึงเวลาที่สมควร ต้องใช้สิทธิของบริษัทที่มีตามสัญญา ดังนั้นไทยออยล์จะไปจ้างผู้รับเหมาหลักรายใหม่หรือไม่ เป็นกระบวนการในอนาคต” นายบัณฑิต กล่าว
นอกจากนี้ จากการศึกษาและประเมินของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ถึงแม้ว่าอัตราผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ระดับโครงการจากเดิมอยู่ที่ 12% ได้ปรับลดลงเหลือ 7% เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่การเพิ่มเงินลงทุนไม่กระทบต่ออัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่เกิน 1 เท่า เมื่อโครงการ CFP แล้วเสร็จ จะทำให้ TOP มีผลประกอบการทางการเงินทั้งในส่วนรายได้ ผลกําไรและฐานะทางการเงินดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน วอลุ่มที่เพิ่มขึ้นจาก 2.75 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็น 4 แสนบาร์เรลต่อวัน รวมทั้งมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นในระยะยาว
“จากการศึกษาและประเมินของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระถึงแม้ว่าอัตราผลตอบแทนการลงทุนระดับโครงการ ในปัจจุบันจะลดลงจากการประเมินในช่วงการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าต้นทุนของกิจการ เมื่อโครงการเสร็จจะทำให้ไทยออยล์มีผลประกอบการทางการเงิน ทั้งในส่วนรายได้ ผลกําไรและฐานะทางการเงินดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นในระยะยาว” นายบัณฑิต กล่าว
นายบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพิ่มเงินงบประมาณก่อสร้างโครงการครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการจ่ายเงินปันผลของบริษัทอย่างมีนัยสําคัญ เนื่องจากแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมส่วนใหญ่มาจากเงินสดคงเหลือ กระแสเงินสดจากการดําเนินงาน และการกู้ยืม
ดังนั้นบริษัทฯ ยังคงพิจารณาจ่ายเงินปันผล ตามนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 25% ของกําไรสุทธิของงบการเงิน ภายหลังจากการหักทุนสํารองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทและตามกฎหมายได้
สำหรับการก่อสร้างโครงการฯที่ต้องเลื่อนออกไปกว่า 3 ปี เป็นผลมาจากการดําเนินงานขั้นตอนที่เหลือเป็นส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเชื่อมต่อระบบของโครงการที่มีความยุ่งยากและซับซ้อน ดังนั้นก่อนเปิดดำเนินการจึงต้องทำการทดสอบระบบจนกว่าจะมั่นใจว่าสามารถเปิดดำเนินการได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างสมบูรณ์
ขณะเดียวกัน การก่อสร้างหน่วยกลั่นใหม่ที่ทำหน้าที่เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ โดยเปลี่ยนน้ำมันเตาและยางมะตอยให้เป็นนํ้ามันอากาศยานและดีเซลไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนด เนื่องจากปัญหาการหยุดงานของกลุ่มบริษัทรับเหมาช่วง เนื่องมาจากไม่ได้รับค่าจ้างค้างจ่ายจากผู้รับเหมาหลัก UJV ทำให้การดำเนินโครงการต้องสะดุดจนต้องปรับระยะเวลาดำเนินโครงการออกไป จึงเป็นเหตุผลที่บริษัทต้องขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 ก.พ. 2568 เพื่ออนุมัติเพิ่มงบประมาณการลงทุนโครงการ CFP ดังกล่าว
โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ บริษัทได้พยายามหาทางแก้ไขเพื่อให้การดําเนินงานกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อไปให้แล้วเสร็จ คาดว่าบริษัทจะสามารถสรุปเวลาให้แน่ชัดขึ้นในปี 2568
สำหรับแผนจัดหาเงินทุน ประกอบด้วย 1.) เงินสดคงเหลือและกระแสเงินสดจากการดําเนินงานของบริษัทในปี 68-70 และ 2.) การออกหุ้นกู้ หรือการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งพิจารณาหาเครื่องมือทางการเงินใหม่ ๆ เช่น การออกตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน รวมถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยบริษัทยืนยันว่าไม่มีแผนการเพิ่มทุนจากการเพิ่มงบประมาณในการก่อสร้างโครงการในครั้งนี้แต่อย่างใด ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่างบประมาณที่ขอเพิ่มเติมเพียงพอต่อการดำเนินโครง การให้แล้วเสร็จโดยได้ศึกษาและประเมินร่วมกับที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้วยความระมัดระวังว่าสามารถดำเนินโครงการนี้ได้ตามงบประมาณที่วางไว้ บริษัทจะบริหารจัดการงบประมาณให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่มีมูลค่าสูง บริษัทต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบในการตรวจรับงานและการจ่ายเงินโครงการต้องเป็นไปตามหลักสากลและเงื่อนไขสัญญา มีการตรวจสอบความถูกต้องทั้งในส่วนปริมาณงานและคุณภาพงานจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกส่วน รวมทั้งจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการที่มีความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างเป็นผู้ประเมินและตรวจรับงาน และจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการฯ ให้การดำเนินการเป็นไปตามหลักสากลในการบริหารโครงการขนาดใหญ่
นอกจากนี้ บล. กสิกรไทย ระบุผ่านบทวิเคราะห์มองว่าราคาหุ้น TOP ปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าราคาพื้นฐานแล้ว คาดการณ์ว่าวันนี้ 24 ธ.ค. มีโอกาสรีบาวด์สูง ขณะที่วานนี้ 23 ธ.ค. ราคาปิดที่ 25.50 บาท ลดลง 6.42% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2,750 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นไทยออยล์ตอนนี้ถือว่าต่ำแล้วเมื่อเทียบกับบุ๊กแลูที่ 70 กว่าบาท คิดเป็น P/BV ที่ 0.35 เท่าก็ยิ่งไม่แพง ซึ่งมองว่าวันนี้มีโอกาสรีบาวด์สูงหลังจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ หลังจากฟังคำชี้แจงของผู้บริหารบริษัทไทยออยล์ บล.กสิกรไทย ให้ราคาเหมาะสม สำหรับหุ้น TOP อยู่ที่ 27.20 บาทส่วน บล.พาย ให้ราคาพื้นฐานหุ้นไทยออยล์ที่ 29 บาท โดยใช้มูลค่าทางบัญชีที่นำโครง การ CFP ออกจากการคำนวณแล้ว