TOP เด้ง 2% รับข่าว “มูดี้ส์-เอสแอนด์พี” การันตีฐานะการเงินแกร่ง พ่วงถูก Cover Short

TOP เด้ง 2% ขานรับข่าว “Moody's - S&P” การันตีสถานะการเงินแข็งแกร่ง อันดับเครดิตน่าลงทุน พร้อมราคาลงลึกถูก Cover Short หนุน โบรกมองไตรมาส 4/67 พลิกกำไร 2.5 พันล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (26 ธ.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ณ เวลา 10:21 น. อยู่ที่ระดับ 28.50 บาท บวก 1.79% สูงสุดที่ระดับ 28.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 27.79% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 94.57 ล้านบาท

สำหรับราคา TOP ปรับตัวขึ้น สืบเนื่องมาจากทางบริษัทฯ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่ผ่านมา บริษัท S&P Global Ratings (S&P) ได้ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) บริษัทไทยออยล์ที่ระดับ BBB แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ในระดับน่าลงทุน หรือ Investment Grade

อย่างไรก็ตาม S&P ได้ปรับสถานการณ์ติดตามเครดิตเป็นเชิงลบ อันเนื่องมาจากความล่าช้าและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของโครงการพลังงานสะอาด หรือ Clean Fuel Project (CFP)

ขณะที่ วันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัท Moody’s Investors Service (Moody’s) ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ที่ระดับ Baa3 ซึ่งเป็นระดับน่าลงทุน Investment Grade เช่นเดียวกัน โดย Moody’s มองว่าบริษัทฯ มีสภาพคล่องทางการเงินในเกณฑ์ที่ดี และมีการวางแผนมาตรการทางการเงินอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ Moody’s ได้ปรับสถานะเป็นมุมมองเชิงลบจากความล่าช้าและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของโครงการพลังงานสะอาด (CFP)

สำหรับการได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับน่าลงทุน Investment Grade จากสถาบันทั้งสองแห่ง สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและเสถียรภาพทางการเงินของบริษัทฯ เป็นการยืนยันถึงการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และการบริหารจัดการที่มั่นคงในระยะยาว

นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้ถือหุ้นในอนาคต รวมทั้งความสามารถในการดำเนินงานอย่างมั่นคงท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ ในอุตสาหกรรม

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOP กล่าวว่า บริษัทจะใช้ในการดำเนินการก่อสร้างโครงการพลังงานสะอาดให้แล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 3/71 หลังจากคณะกรรมการอนุมัติเพิ่มงบลงทุนโครงการพลังงานสะอาด มูลค่า 63,028 ล้านบาท และดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 17,922 ล้านบาท จะเสนอขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/68 วันที่ 21 ก.พ. 68

โดยเมื่อโครงการ CFP แล้วเสร็จ จะทำให้ TOP มีผลประกอบการทางการเงินทั้งในส่วนรายได้ ผลกําไร และฐานะทางการเงินดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันวอลุ่มที่เพิ่มขึ้นจาก 2.75 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็น 4 แสนบาร์เรลต่อวัน รวมทั้งมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นในระยะยาว

ขณะที่ นโยบายการจ่ายเงินปันผล บริษัทฯ ยังคงจ่ายอัตราสูง โดยปีที่ผ่านมาอัตราเงินปันผลตอบแทน หรือดิวิเดนด์ยีลด์ สูงถึง 7% ดังนั้นจึงมองว่าเป็นโอกาสของนักลงทุนที่จะได้ดิวิเดนด์ยีลด์ที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง TOP ว่าถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับบริษัทฯ หลังจาก Moody’s และ S&P คงอันดับเครดิต ซึ่งเป็นการยืนยันว่าฐานะการเงินของไทยออยล์ไม่ได้เปลี่ยนแปลง จากความล่าช้าของโครงการ CFP ในครั้งนี้

ทั้งนี้ ไตรมาส 4/67 ผลการดำเนินงาน TOP จะพลิกกลับมาเป็นบวกจากไตรมาส 3/67 ที่ขาดทุนสุทธิ เนื่องจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นไทยออยล์ปรับลงมาลึกช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นจึงรีบาวด์ขึ้นในระยะนี้ อย่างไรก็ตามต้องติดตามความคืบหน้าของโครงการ CFP ว่าจะเป็นไปตามแผนของไทยออยล์หรือไม่

นายกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณี S&P และ Moody’s คงอันดับเครดิตไทยออยล์ เป็นการมองภาพรวมในระยะยาวของไทยออยล์ว่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะฐานะการเงินที่แกร่ง สามารถรองรับการเพิ่มวงเงินลงทุนในโครงการ CFP โดยไม่มีความเสี่ยง

ขณะที่ รายงานข้อมูลจาก TSEG CONSENSUS ประมาณการกำไรไตรมาส 4/2567 ของ TOP ไว้ที่ 2,531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 160% จากไตรมาสที่ 3/2567 และประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 11,073 ล้านบาท ราคาเป้าหมายเฉลี่ย  42.73 บาท  จาก 19 โบรกเกอร์

นอกจากนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดเมื่อวาน 25 ธ.ค. บวก 6.18 จุด ปิดที่ 1,400.85 จุด เปลี่ยนแปลง 0.44% มูลค่าการซื้อขาย 28,672 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ (SET) 1,169 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 22 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 267 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 880 ล้านบาท

โดย นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้น ไทยวานนี้ 25 ธ.ค. บวก 6.18 จุด ปิดที่ 1,400.85 จุด เปลี่ยนแปลง 0.44% มูลค่าการซื้อขาย 28,672 ล้านบาท ถือว่าดัชนีแกว่งตัวออกด้านข้างกรอบจำกัด เนื่องจากยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาขับเคลื่อนดัชนี โดยการปรับตัวขึ้นวานนี้มองว่าเป็นการ Cover Short หุ้นใหญ่ที่ราคาปรับลงไปมากในช่วงที่ผ่านมา อาทิ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALLบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เป็นต้น

Back to top button