BH ปิดบวก 2% นำทีมกลุ่ม “โรงพยาบาล” โบรกชี้ปี 68 สดใส รับผู้ป่วยต่างชาติพุ่ง
BH บวก 2% นำทีมกลุ่ม PR9-BCH-BDMS หลังโบรกมองอุตสาหกรรมโรงพยาบาลปี 68 โตสดใส อานิสงส์ผู้ป่วยชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น ผนวกกับ สปสช. จ่ายชดเชยรักษาโรคร้ายแรง 12,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (2 ม.ค.67) ราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวขึ้นสวนตลาดนำโดย บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 204.00 บาท บวก 4.50 บาท หรือ 2.26% สูงสุดที่ระดับ 205.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 199.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 576.14 ล้านบาท
บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 อยู่ที่ระดับ 26.50 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.93% สูงสุดที่ระดับ 27.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 26.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 156.15 ล้านบาท
บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH อยู่ที่ระดับ 15.40 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.65% สูงสุดที่ระดับ 15.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 15.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 101.28 ล้านบาท
บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS อยู่ที่ระดับ 24.60 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.41% สูงสุดที่ระดับ 24.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 587.27 ล้านบาท
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ มีมุมมองเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมโรงพยาบาลเอกชนในปี 68 จากปัจจัยสนับสนุน ดังนี้ 1.) คาดการณ์จำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้บริการทางการแพทย์ (Medical Tourism) จากจุดเด่นด้านมาตรฐานการแพทย์ที่อยู่ในระดับสูง โดยโรงพยาบาลในประเทศไทยมีมาตรฐานระดับสากลที่ได้รับการรับรองจาก Joint Commission International (JCI) สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ส่งผลทำให้ชาวต่างชาติมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของการรักษา รวมถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์มีความเชี่ยวชาญในหลากหลายสาขานอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในไทยยังคงอยู่ในระดับที่แข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ สำหรับกระแสสุขภาพและ Wellness เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวที่สนใจบริการด้าน Wellness และ Medical Tourism มากขึ้น
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยมีนโยบายเพื่อส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพนานาชาติ เช่น การจัดท าโครงการ Andaman Wellness Corridor และมาตรการฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว
2.ทางฝ่ายมองอุตสาหกรรมโรงพยาบาลเอกชนเป็นอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว 3.) แรงหนุนจากนโยบายของ สปส. ในการปรับอัตราการเบิกจ่ายเงินชดเชยโรคร้ายแรงเป็นแบบคงที่ 12,000 บาท/RW 4) อัตราการเจ็บป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทย จากเอกสารข้อมูลประชากรโลก ฉบับปี 2566 (World Population Data Sheet 2023)
โดยสำนักงานอ้างอิงประชากร (Population Reference Bureau: PRB) ระบุว่าประชากรโลกมีมากกว่า 8,000 ล้านคน แต่ภายในปี 2593 คาดว่าประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 9,800 ล้านคน
ทั้งนี้ฝ่ายนักวิเคราะห์ยังคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ของ BH อยู่ที่ 7,405 ล้านบาท โต 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการเร่งตัวขึ้นของรายได้หลัก อยู่ที่ 25,139 ล้านบาท โต 2.0% % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสนับสนุนจากการปรับราคาค่าบริการเพิ่มขึ้นตามความซับซ้อนในการรักษา และแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้บริการทางการแพทย์ (Medical Tourism) จากมาตรฐานการแพทย์ที่อยู่ในระดับสูง โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 223.04 บาท
นอกจากนี้ ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์บริษัท PR9 เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/67 จะเติบโตสูงสุด (นิวไฮ) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นช่วงตรวจสุขภาพประจำปี ทำให้ผู้ป่วยนอก (OPD) ขยายตัวสูง ส่วนผู้ป่วยโรคทั่วไป และผู้ป่วยโรคซับซ้อน ยังคงเข้ารักการรักษาหนาแน่น ทำให้ผู้ป่วยใน (IPD) มีอัตราครองเตียงในระดับที่ดี
ขณะที่ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางที่ผู้ป่วยเข้าใช้บริการจำนวนมาก เช่น ศูนย์เลสิก, ศูนย์กระดูกสันหลัง, ศูนย์สลีปเซ็นเตอร์ เลสิก และศัลยกรรมความงาม ดังนั้นบริษัทมั่นใจว่าภาพรวมทั้งปี 2567 รายได้จากการให้บริการทางการแพทย์จะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีรายได้จากการให้บริการทางการแพทย์ประมาณ 4,300 ล้านบาท
พร้อมมั่นใจปี 2568 จะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การเดินหน้ากลยุทธ์ด้านการพัฒนาความเชี่ยวชาญการรักษาโรคยากซับซ้อน หรือศูนย์เฉพาะทางหลัก ๆ เช่น ไต หัวใจ และ สมอง เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขัน ขับเคลื่อนการเติบโตต่อเนื่องแบบยั่งยืน ควบคู่ไปกับการขยายวอร์ดเพิ่มเติม รองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ บล.ธนชาต จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์ผลการดำเนินงานของ PR9 ในช่วงไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากผู้ป่วยทั้งชาวไทย และต่างชาติที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยตะวันออกกลาง ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นเป็น 36.3% ใน ไตรมาส 4/67 จาก 35.2% ใน ไตรมาส 4/66 จึงแนะนำ “ซื้อ” ให้เป้าราคา 29 บาทต่อหุ้น