FVC บวกแรง 7% มั่นใจรายได้ปี 67 พุ่งพันล้าน ลุยเปิดหน่วยบริการ-ศูนย์กระจายสินค้า
FVC บวกแรง 7% มั่นใจรายได้ปี 67 แตะ 1,000 ล้านบาท พุ่ง 15% เดินหน้าเปิดหน่วยบริการและศูนย์กระจายสินค้าในพื้นที่ภาคอีสานภายในปี 69
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(3 ม.ค.68) ราคาหุ้นบริษัท ฟิลเตอร์ วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FVC ณ เวลา 14:46 น. อยู่ที่ระดับ 0.47 บาท บวก 0.03 บาท หรือ 6.82% ราคาสูงสุด 0.53 บาท ราคาต่ำสุด 0.43 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4.68 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ นายวิจิตร เตชะเกษม กรรมการผู้จัดการ FVC เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/67 จะมีการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2567 เนื่องจากบริษัทยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิม โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้ำ (B1) ซึ่งประกอบด้วย 4 กลุ่มงาน ได้แก่ งานโครงการ (Project), งานซ่อมบำรุง (MA), งานบริการ (Service) และงานขาย (Trading)
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งซื้อในกลุ่มงาน B1 จากลูกค้าแล้ว 10 งาน มูลค่ารวม 4.89 ล้านบาท และจะทยอยดำเนินการและติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 ส่วนกลุ่มธุรกิจพาณิชย์และที่พักอาศัย (B2) บริษัทมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าร้านอาหารและเครื่องดื่มและอุตสาหกรรมโรงแรมในประเทศไทยมากขึ้น พร้อมทั้งมุ่งเสนองานซ่อมบำรุง (MA) ที่ดูแลลูกค้าแบบ Total Solutions Provider เพื่อสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงให้กับบริษัท
ขณะที่กลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์ (B3) ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกด (มหาชน) หรือ KTMS ล่าสุดได้มีการเปิดศูนย์ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่ม 2 สาขา และคาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 ทันที
ดังนั้น จากแผนกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจดังกล่าว จะหนุนการเติบโตของบริษัทในปี 2567 ให้มีรายได้รวมแตะ 1,000 ล้านบาท เติบโต 15% ตามเป้าหมายที่วางไว้จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 970.78 ล้านบาท
ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมแล้ว 778.36 ล้านบาท เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนเป้าหมายการเติบโตในปี 2568 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา และเตรียมจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเร็ว ๆ นี้
โดยบริษัทยังคงแผนการดำเนินงานในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 2567-2569) ด้วยการพยายามเปิด Service and Distribution Center (หน่วยบริการและศูนย์กระจายสินค้า) ในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งอาจจะเริ่มกลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์ (B3) ซึ่งดำเนินการโดย KTMS จากนั้นจะตามด้วยกลุ่มธุรกิจพาณิชย์และที่พักอาศัย (B2) เพื่อเป็นการต้นทุน และเพิ่มกำไรให้กับบริษัท
ขณะเดียวกันยังคงศึกษาแผนการจัดตั้งการดูแลทางการแพทย์ & โรงเรียนเทคนิค (Establishing Medical Care & Technical School) เพื่อรองรับความผันผวนของตลาดแรงงาน นอกจากนี้ บริษัทยังคงพยายามในเรื่องของ Telemedicine ซึ่งจะช่วยลดการใช้กระดาษทั้งหมด เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Neutral Carbon Footprint ซึ่งในช่วง 3 ปีนี้ น่าจะเข้าใกล้เป้าหมายได้มากขึ้น
นายวิจิตร กล่าวอีกว่า ปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนการเติบโตของบริษัท จะมาจากจุดแข่งของ FVC คือบริษัทมีความหลากหลายของธุรกิจ ที่ทำงานบนแอปพลิเคชัน (Application) ซึ่งหมายถึงการศึกษาเรื่องเฉพาะด้านเป็นหลัก แล้วสร้าง Niche Market (ตลาดเฉพาะกลุ่ม) ให้ Expand (ขยาย) ไปมากขึ้น นั่นคือเอกลักษณ์ของ FVC
ด้านภาพรวมของอุตสาหกรรมกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้า (B1) ตลาดเริ่มเปลี่ยนไปใส่ในด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สอดรับกับนโยบายของ FVC ที่กำหนดไว้ ส่วนกลุ่มธุรกิจพาณิชย์และที่พักอาศัย (B2) สินค้าที่ออกใหม่ในปี 2567 อย่างตัว soda water ที่ใช้ในโรงแรม เพื่อลดการใช้ขวด ได้รับการตอบรับที่ดี เกิดการยอมรับจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้โรงแรมมียอดขายเพิ่ม และ FVC มีรายได้เพิ่มด้วย