ดาวโจนส์ปิดลบ 99 จุด หลัง “เยลเลน” กังวลแนวโน้มศก.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ก.พ.) หลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้แสดงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก ในการกล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (10 ก.พ.) ที่ 15,914.74 จุด ลดลง 99.64 จุด หรือ -0.62%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,283.59 จุด เพิ่มขึ้น 14.83 จุด หรือ +0.35% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,851.86 จุด ลดลง 0.35 จุด หรือ -0.02%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น หลังจากนางเยลเลนได้ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เดือนหน้า หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีในการประชุมเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้อ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากถ้อยแลงในครั้งนี้ นางเยลเลนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก โดยนางเยลเลนยังระบุถึงความอ่อนแอในเศรษฐกิจโลก เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และภาวะอุปทานล้นตลาดของสินค้าโภคภัณฑ์ ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกน้ำมัน ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนของปัญหาของเศรษฐกิจจีน ได้ทำให้สภาวะทางการเงินของภาคธุรกิจสหรัฐตึงตัวขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้สัญญาน้ำมัน WTI ปรับตัวลดลงอีก 1.8% หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้นวอลท์ ดีสนีย์ ร่วงลง 3.8% ซึ่งเป็นหุ้นที่ร่วงลงหนักสุดในดัชนีดาวโจนส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ชะลอตัวลง ขณะที่นักลงทุนยังรอการเปิดเผยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ราคาส่งออกและนำเข้าเดือนม.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค.