“หุ้นแบงก์” วิ่งยกแผง! เก็งรับกำไร Q4 โต โบรกชู KTB เด่นสุด ทะลุ 1 หมื่นล้าน

ราคาหุ้น “กลุ่มแบงก์” บวกยกแผง ลุ้นงวดไตรมาส 4/67 กำไรรวม 4.3 หมื่นล้านบาท ยก KTB เด่นสุด 1.04 หมื่นล้านบาท จากการกลับมาตั้งสำรองปกติ คุมหนี้เสียได้ดีอยู่ที่ 3.15% ส่วนปี 68 คาดกรุงไทยกำไรโตต่อเนื่อง รับ 4.78 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% ด้าน “เกียรตินาคินภัทร” กำไรเด่นในกลุ่มแบงก์เล็ก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ม.ค.68) ณ เวลา 10:22 น. ราคาหุ้นธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB อยู่ที่ระดับ 21.80 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 1.40% สูงสุดที่ระดับ 21.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 21.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 476.13 ล้านบาท

ด้านราคาหุ้น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL อยู่ที่ระดับ 153.50 บาท บวก 1 บาท หรือ 0.66% สูงสุดที่ระดับ 154 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 152.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 472.65 ล้านบาท

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK อยู่ที่ระดับ 157 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 1.62% สูงสุดที่ระดับ 157.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 154.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 238.72 ล้านบาท

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB อยู่ที่ระดับ 118.50 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 0.42% สูงสุดที่ระดับ 119 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 118 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 156.09 ล้านบาท

บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO อยู่ที่ระดับ 98.50 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.25% สูงสุดที่ระดับ 98.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 98.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 49.72 ล้านบาท

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP อยู่ที่ระดับ 52.75 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 0.96% สูงสุดที่ระดับ 52.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 52.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19.43 ล้านบาท

โดยราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้ คาดการณ์ว่านักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร เนื่องจากตั้งแต่สัปดาห์หน้า (13-17 ม.ค.) หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเริ่มแจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 4/67 โดย TISCO จะเป็นหุ้นแรกที่เริ่มรายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดการณ์กำไรสุทธิ “กลุ่มธนาคาร” ไตรมาส 4/67 จะอยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสเดียวกันของปี 66 จากต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (Credit Cost) ปรับลดลง แต่ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) กลับอ่อนตัวลงด้วย

อย่างไรก็ดี กำไรงวดดังกล่าว หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จะลดลง 22% เนื่องจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินลดลง และค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารที่คาดจะรายงานกำไรเติบโตโดดเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน นำโดย KKP และ KTB

“คุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มธนาคารในปี 67 จะค่อนข้างทรงตัวใกล้เคียงสิ้นไตรมาส 3/2567 แนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มธนาคารจะทยอยฟื้นตัวในปี 2568 จากแนวโน้มเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว”

ด้านปัจจัยพื้นฐาน คาดหุ้นกลุ่มธนาคารส่วนใหญ่จะประกาศจ่ายปันผลสูงกว่า 5% สำหรับงวดครึ่งหลังปี 2567 นำโดย SCB, TISCO และ KTB ทำให้ประเมินว่า KTB มีแนวโน้มจะปรับตัวได้ดีกว่าตลาด (Outperform SET) ได้ในระยะสั้น จากแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 ที่เติบโตสูงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจ่ายปันผลสูง

อย่างไรก็ตาม แนะนำซื้อหุ้น BBL ราคาเป้าหมาย 178 บาท คาดอัตราเงินปันผล 5.3%, KBANK ราคาเป้าหมาย 170 บาท คาดอัตราเงินปันผล 5.3%, SCB ราคาเป้าหมาย 125 บาท คาดอัตราเงินปันผล 8.5%, KKP ราคาเป้าหมาย 60 บาท คาดอัตราเงินปันผล 6.3% และ KTB ราคาเป้าหมาย 24 บาท คาดอัตราเงินปันผล 5.2%

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า KTB จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 ที่ 1.04 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% จากช่วงเดียวกันของก่อน เพราะค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลง 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในไตรมาส 4/2566 มีการตั้งสำรองสำหรับลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่ง (คาดคือบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD)

อย่างไรก็ดี กำไรจะลดลง 6% จากไตรมาสก่อนหน้า จาก

1.รายได้ดอกเบี้ย (NII) ลดลง 1% จากการลดลงของ Yield on loan

2.รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ลดลง 6% เพราะเงินลงทุน (FVTPL)

3.ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) เพิ่มขึ้น 2% ตามปัจจัยฤดูกาล

ส่วนของสินเชื่อเพิ่มขึ้น 0.5% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1.0% จากไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็น 0.5% จากต้นปี (YTD) จากสินเชื่อภาครัฐ ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์บริหารได้ดี มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL Ratio อยู่ที่ 3.15% ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2567

บล.กรุงศรี ยังได้คาดการณ์กำไรของ KTB ปี 68 อยู่ที่ 4.78 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรวม โดยเฉพาะสินเชื่อภาครัฐ การเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (Credit cost)

ทั้งนี้ แนะนำซื้อ KTB และคงราคาเป้าหมายที่ 24 บาท เพราะกำไรสุทธิปี 2568 เติบโตเด่น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และได้ผลบวกจากงบประมาณภาครัฐ คาดว่ามีการเร่งเบิกจ่ายในครึ่งแรกของปี 68 รวมถึงมีโอกาสเห็น KTB ปรับเพิ่ม Payout ratio ขึ้น จากปัจจุบันที่ราว 30% ทั้งนี้ให้ KTB เป็นหุ้นเด่นคู่กับ KBANK ราคาเป้าหมาย 180 บาท

Back to top button