3 หุ้นโรงไฟฟ้าดีดกลับ! อัพไซด์เปิดกว้าง 13-57% หลังแพนิก “ทักษิณ” ตุ๊บค่าไฟเหลือ 3.70 บ.

GPSC-BGRIM-GULF ราคาหุ้นดีดกลับ! หลังแพนิกแนวคิด “ทักษิณ” ลดค่าไฟเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย โบรกฯประเมิน กรณีใช้เฉพาะกลุ่มเปราะบางโอกาสเป็นไปได้มากสุด ไม่กระทบโรงไฟฟ้า SPP ส่วนกรณีลดค่าไฟทั่วประเทศเป็นไปได้น้อยกระทบวงกว้าง GPSC-BGRIM หนักสุด ส่วน GULF-GUNKUL กระทบน้อยมาก มองเป็นโอกาสซื้อ อัพไซด์สูง 13-57%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(7ม.ค.68) ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าดีดกลับ นำโดยบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ณ เวลา 10:22 น. อยู่ที่ระดับ 34.75 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.46% สูงสุดที่ระดับ 35.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 34.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51.06 ล้านบาท

ส่วนบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ณ เวลา 10:25 น. อยู่ที่ระดับ 17.90 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 2.29% สูงสุดที่ระดับ 18.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 17.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 78.72

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ณ เวลา 10:26 น. อยู่ที่ระดับ 56.50 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.44% สูงสุดที่ระดับ 57.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 56.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 186.95 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (6 ม.ค. 2568) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวลดลง นำโดย หุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ปรับตัวลดลง 2.17% มาปิดที่ 56.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1,729 ล้านบาท, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ปรับตัวลดลง 8.05% มาปิดที่ 34.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 608 ล้านบาท, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ปรับตัวลดลง 7.89% มาปิดที่ 17.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 460 ล้านบาท, บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ปรับตัวลดลง 2.75% มาปิดที่ 2.12 บาท มูลค่าซื้อขาย 20 ล้านบาท และบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ปรับตัวลดลง 5.17% มาปิดที่ 4.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 96 ล้านบาท กดดันดัชนีหุ้นไทยลบไป 12.11 จุด มาปิดที่ 1,372 จุด

ภายหลังดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นปราศรัยที่จังหวัดเชียงราย เสนอแนวคิดที่จะปรับลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 3.70 บาท จากปัจจุบันที่ 4.15 บาทต่อหน่วยระหว่างการช่วยหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จังหวัดเชียงราย

“เรื่องไฟฟ้าปีนี้ค่าไฟฟ้าจะต้องลงไปอยู่ที่เลข 3 ไม่ใช่เลข 4 ใจตนอยากให้เหลือหน่วยละ 3.50 บาท แต่คงได้แค่ 3.70 บาท กำลังให้เขาช่วยตุ๊บ (ทุบ) อยู่ ปีนี้ค่าไฟลงแน่ เห็นตัวเลขแล้วตุ๊บได้” นายทักษิณ กล่าว

มาร์เก็ตแคปวูบ 2.8 หมื่นล้าน

จากการรวบรวมข้อมูลของ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” พบว่า มาร์เก็ตแคปหุ้นไฟฟ้า 5 หุ้น วันที่ 6 ม.ค. 2568 ปรับตัวลดลงรวม 2.85 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มาร์เก็ตแคปลดลงกว่า 14,666 ล้านบาท, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ลดลง 8,459 ล้านบาท, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM มาร์เก็ตแคปลดลง 3,910 ล้านบาท, บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ลดลง 532 ล้านบาท และบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ลดลง 918 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากกรณีลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย จึงได้จัดทำผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แบ่งเป็น 3 กรณี สำหรับกรณีแรก มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยสุด แต่ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ามากสุด คือการปรับลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย และราคาก๊าซธรรมชาติไม่ได้ปรับลดลง แนวทางดังกล่าวมีความซับซ้อนและใช้งบประมาณมหาศาลในการอุดหนุนค่าไฟฟ้า

ทั้งนี้ หากปรับลดค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือน พ.ค. 2568 ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 3.85 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรของหุ้นโรงไฟฟ้าตามลำดับต่อไปนี้ นำโดย GPSC กำไรจะลดลง 34% และ BGRIM คาดกำไรลดลง 27% เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากโรงไฟฟ้า SPP ที่สูง

ขณะที่ GULF คาดว่ากำไรจะลดลง 3%, GUNKUL กำไรลดลง 4% และ WHAUP กำไรลดลง 8% เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากโรงไฟฟ้า SPP ค่อนข้างน้อย

ส่วนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะต้องแบกภาระค่าไฟเพิ่มขึ้นเดือนละ 3 พันล้านบาท หากนับจากเดือน พ.ค.ถึงเดือน ธ.ค. 2568 จะรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2.4 หมื่นล้านบาท รวมกับหนี้เดิมที่มีอยู่ 8 หมื่นล้านบาท ก็จะรวมเป็น 1.4 แสนล้านบาท

กรณีที่สอง ปรับลดผ่านโครงสร้างราคาก๊าซ โดยเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เร่งขุดเจาะแหล่งใหม่เพิ่มเติมอยู่ จะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของโรงไฟฟ้า SPP ลดลง ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าลดลงด้วย

กรณีที่สาม มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุด โดยเน้นช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย จะกระทบโครงสร้างพลังงานน้อย ทั้งนี้หากการลดค่าไฟเกิดขึ้นเฉพาะกลุ่มเปราะบาง จะไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรของโรงไฟฟ้า SPP เนื่องจากขายให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นหลัก

 โอกาสลงทุนหุ้นโรงไฟฟ้า

อย่างไรก็ดี ค่าไฟงวดใหม่อาจประกาศช่วงต้นเม.ย. 2568 เกิดหลังเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อาจสะท้อนนโยบายที่สมดุลและเป็นไปได้มากกว่า ดังนั้นความกังวลระยะสั้นอาจเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน หลังหุ้นโรงไฟฟ้าปรับฐานลงแรงเกินไปจากกรณีดังกล่าว แนะนำ “ซื้อ” GPSC ราคาเป้าหมาย 50-52 บาท BGRIM เป้าหมาย 31 บาท

รายงานข้อมูลจาก TSEG CONSENSUS ให้ราคาเป้าหมาย GPSC ที่ 54 บาท อัพไซด์ 57.66%, BGRIM ราคาเป้าหมาย 26.28 บาท อัพไซด์ 50.17%, GULF เป้าหมาย 63.61 บาท อัพไซด์ 13.08%, GUNKUL เป้าหมาย 3.22 บาท อัพไซด์ 51.89% และ WHAUP ราคาป้าหมาย 5.62 บาท อัพไซด์ 27.73%

นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จํากัด กล่าวว่า นโยบายค่าไฟดังกล่าวต้องรอความชัดเจนทางภาครัฐว่าจะเป็นราคาค่าไฟที่ช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเปราะบาง หรือค่าไฟฟ้าของประเทศ หากเป็นค่าไฟรวมทั้งหมดลดลงมาที่ 3.70 บาทต่อหน่วย มองว่าต่ำเกินไป เพราะโครงสร้างต้นทุนที่แท้จริงของผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนคาดว่าอยู่ที่ 3.90 บาทต่อหน่วย โดยไม่ต้องคิดค่าก๊าซที่ต้องแบกรับสำหรับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ยังมีภาระค่าก๊าซสะสมประมาณ 1 แสนล้านบาท ดังนั้นหากราคาค่าไฟลดลงมากกว่านี้ จะยิ่งทำให้เอกชนผู้ผลิตไฟฟ้าประสบภาวะขาดทุน

อย่างไรก็ตาม กรณีรัฐช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเปราะบาง หรือคิดเป็นเพียง 20% เท่านั้น ส่วนอีก 80% ค่าไฟยังเป็นไปตามต้นทุนที่แท้จริง อาจกระทบต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าไม่มากนัก นอกจากนี้ภาครัฐควรมีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาภาระค่าก๊าซที่ยังคงแบกรับโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยต่อไป

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึงกรณีการลดค่าไฟในปีนี้ให้ลงมาที่ 3.70 บาท/หน่วย หรือลดลง 11% จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.15 บาท/หน่วย ยังต้องติดตามรายละเอียดในทางปฏิบัติว่าจะมีผลกับกลุ่มใดบ้าง เนื่องจากหากค่าไฟลดมาที่ 3.70 บาทได้จริง ถือเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าไฟฐานที่ 3.78 บาท อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะใช้เฉพาะกลุ่มเปราะบางเท่านั้น ไม่ได้ใช้กับทุกกลุ่ม

ส่วนผลระยะสั้นอาจสร้าง Sentiment ลบต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP อาทิ GPSC, BGRIM แต่อีกด้านหนึ่งหากอัตราค่าไฟที่ลดลงมีผลกับผู้ประกอบการภาคเอกชนด้วย มองเป็นบวกกลุ่มค้าปลีก อาทิ  บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ที่ค่าไฟคิดเป็นสัดส่วน 1-2% ของยอดขาย

กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม อาทิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW และบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT คาดผลของค่าไฟที่ลดลงมาที่ 3.70 บาท/หน่วย จะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรปี 2568 เพิ่มขึ้น 0.6-5%

Back to top button