THCOM เตรียมยิงดาวเทียมไทยคม 8 ใน H1/59-ไทยคม 7 หนุนกำไรปี 58

THCOM เตรียมยิงดาวเทียมไทยคม 8 ใน H1/59-ไทยคม 7 หนุนกำไรปี 58


นายไพบูลย์ ภานุวัฒนวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM เปิดเผยว่า บริษัทจะยังมุ่งเติบโตทั้งในธุรกิจดาวเทียมและการให้บริการแบบครบวงจร สำหรับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะเดินหน้าในโครงการดาวเทียมไทยคม 8 ซึ่งมีกำหนดจะส่งขึ้นสู่วงโคจรในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ พร้อมศึกษาความเป็นไปได้สำหรับดาวเทียมไทยคม 9 และดวงต่อไปเพิ่มเติม บนรากฐานความร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้าเป็นสำคัญ เหนือสิ่งอื่นใด ไทยคมจะมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและการดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างต่อเนื่องต่อไป

สำหรับในปี 58 นับเป็นอีกปีที่ดีที่บริษัทสามารถสร้างรายได้จากการขายและบริการได้ 12,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% จากปีก่อน จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจดาวเทียมโดยเฉพาะจากธุรกิจบรอดคาสต์ ที่มีการเติบโตของจำนวนช่องรายการโทรทัศน์บนดาวเทียมไทยคมเพิ่มขึ้นจาก 702 ช่อง เป็น 792 ช่อง โดยในส่วนนี้เป็นช่อง HD จำนวน 126 ช่อง อีกทั้งมีการใช้งานดาวเทียมไทยคม 7 เต็ม 100% และยังมีความต้องการใช้งานบนดาวเทียมไทยคม 8 อีกมากซึ่งจะถือเป็นการเติบโตที่ชัดเจนอีกครั้งของช่อง HD

นอกจากนี้ บริษัทสามารถบริหารจัดการธุรกิจรองและธุรกิจในต่างประเทศเพื่อสร้างผลกำไรเพิ่มเติม โดยกลุ่มธุรกิจในเครือ บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านสายวงจรเช่า (Leased Line) และการให้บริการศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ (Internet Date Center: IDC) ส่วนบริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (แอลทีซี) ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดเป็นที่ 1 ด้วยสัดส่วน 52% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 47% และมีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์ในระบบรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,947,996 ราย เพิ่มขึ้นจาก 1,712,506 ราย ณ สิ้นปี 2557

ขณะที่บริษัท แคมโบเดียน ดีทีวี เน็ตเวิร์ค จำกัด (ซีดีเอ็น) ในกัมพูชา มีการเติบโตจากการขายชุดอุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียมเพิ่มขึ้น และบริษัทยังมีกำไรจากการขายหุ้นของ บริษัท ซินเนอร์โทน คอมมิวนิเคชั่น คอร์ปอเรชั่น (ซินเนอร์โทน) ซึ่งเป็นการลงทุนในประเทศจีนอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ในปี 58 บริษัทได้ใช้หลักความระมัดระวังในการพิจารณาการด้อยค่าเงินลงทุนของบริษัท ตามมาตรฐานการบัญชีเรื่องการประมาณการมูลค่าสินทรัพย์ ทำให้ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ไอพีสตาร์ ออสเตรเลีย พีทีวาย จำกัด (ไอพีเอ) จำนวน 454 ล้านบาท ซึ่งผลขาดทุนดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสด ดังนั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของบริษัท และบริษัทยังสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ในอัตรา 0.65 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัทที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคมนี้

Back to top button