OSP รูด 9% หวั่นกำไร Q4/67 ต่ำคาด เซ่นค่าใช้จ่ายพุ่ง-ส่วนแบ่งการตลาดลด
OSP ร่วงหนัก 9% โบรกมองกำไรไตรมาส 4/67 อาจต่ำกว่าคาด หลังส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นกดดันกำไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 ม.ค.68) ราคาหุ้นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ณ เวลา 16:02 น. อยู่ที่ระดับ 18.60 บาท ลบ 1.90 บาท หรือ 9.27% สูงสุดที่ระดับ 20.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 18.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 558.45 ล้านบาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 อาจต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ น่าจะลดจากช่วงไตรมาสก่อน และโตเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ขณะที่ต้องติดตามผลตอบรับของกลยุทธ์กลับไปทำ 10 บาท เพื่อแย่ง share กลับมา
ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเชิงมูลค่าไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 45% ลดลงจาก 45.4% ในไตรมาส 3/67 จึงคาดการณ์รายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศอาจทรงตัวถึงปรับลงจากปีก่อนหน้า สวนกับมูลค่าตลาดรวมที่ยังโตได้ แต่คาดการณ์ว่าถูกหักล้างบางส่วนด้วยรายได้ต่างประเทศที่กลับมาฟื้นตัว
ส่วนแนวโน้มค่าใช้จ่ายไตรมาส 4/67 จะสูงขึ้นกดดันกำไร จากการทำการตลาด ค่าโฆษณา, FX loss จากธุรกิจที่พม่า และการตั้งด้อยค่าเงินลงทุนในยุโรปมีค่าใช้จ่ายอีกเล็กน้อยราว 50-60 ล้านบาท
ทั้งนี้ จบปี 67 มีส่วนแบ่งตลาด 45.8% ลดลงจาก 46.6% ในปี 67 ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าแย่งส่วนแบ่งตลาดกลับในปี 68 ให้ขยับเข้าใกล้ 50% อีกครั้ง โดยการทำแคมเปญฉลองครบรอบ 40 ปี ตั้งแต่เดือน ก.พ. เป็นต้นไป อาทิ การออก M-150 ฝาเหลือง ราคา 10 บาท ไซส์เดิม รสชาติเดิม บุกตลาด traditional trade รวมถึงจะมีการทำตลาดในสินค้าอื่นๆ ด้วย และจ้าง presenter คนใหม่
โดยฝ่ายวิจัยกังวลมากขึ้นต่อกลยุทธ์การกลับไปออกเครื่องดื่มชูกำลังในราคา 10 บาท เพราะอาจทำให้เกิด cannibalization กับสินค้าตัวเดิม ที่มีทั้ง M-yellow (ฝาทอง) 12 บาท และ M-blue (10 บาท) สุดท้ายแล้วหากไม่สามารถเร่ง volume ให้โตมากได้ อาจทำให้ภาพรวมรายได้เครื่องดื่มชูกำลังไม่เติบโต หรือเติบโตน้อยกว่าคาดก็เป็นได้ ทั้งนี้บริษัทมองมูลค่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปี 68 เติบโต 2-3% จากปีก่อน ( ปี 67 โต 6% จากปีก่อน)
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นทั้ง 2 ราย OSP และบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ต่างเดินหน้าใช้ราคา 10 บาท แย่งส่วนแบ่งตลาดในปี 68 ทำให้มองว่าการแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้น เมื่อเทียบกับปี 67 และน่าจะได้เห็นแนวโน้มค่าใช้จ่ายสูงขึ้นกันทั้งคู่
ขณะที่ล่าสุด CBG อยู่ที่ระดับ 75 บาท ลบ 4 บาท หรือ 5.06% สูงสุดที่ระดับ 80.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 72 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 668.76 ล้านบาท