AMATA บวก 4% ลุ้นกำไร Q4 ทะลุพันล้าน รับยอดขายที่ดินปี 67 แตะ 3,000 ไร่

AMATA บวก 4% โบรกมองกำไรไตรมาส 4/67 ทะลุ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากปีก่อน หลังเปิดยอดขายที่ดินปี 67 แตะ 3 พันไร่ หนุนแบ็กล็อกแน่น 2.1 หมื่นล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (11 ก.พ.68) ราคาหุ้น บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ณ เวลา 10:09 น. อยู่ที่ระดับ 24.80 บาท บวก 0.90 บาท หรือ 3.77% สูงสุดที่ระดับ 24.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50.43 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง AMATA ภายหลังรายงานการขายที่ดินในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 1 พันไร่ เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 67 ขายที่ดินได้ทั้งหมด 3 พันไร่ เพิ่มขึ้น 63% จากปีก่อน ซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์รองจากช่วงน้ำท่วมปี 55

ขณะที่ คาดการณ์กำไรในไตรมาส 4/67 จะเติบโตแข็งแกร่งอยู่ที่ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้ง ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์งานในมือ (Backlog) สิ้นไตรมาส 4/67 อยู่ในระดับ 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่ง AMATA เปิดเผยความต้องการ (Demand) ยังคงเติบโตแข็งแกร่งจากการพูดคุยกับลูกค้าอย่างต่อเนื่องในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะลูกค้าประเทศจีนและไต้หวัน ทั้งนี้ฝ่านักวิเคราะห์คาดกาณณ์กำไรในปี 68-69 ยังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น

ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่ายอดขายที่ดิน AMATA ปี 67 สูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 3,018 ไร่ โดยเป็นที่ดินจากประเทศไทย จำนาน 2,549 ไร่ ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศมากที่สุด สนับสนุนให้ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 932 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อนหน้าจากการโอนโฉนดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 1,147 ไร่

ทั้งนี้ จะทำให้กำไรหลักปี 67 อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท เติบโต 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นไปตามที่คาดการณ์ ซึ่งฝ่านักวิเคราะห์มองว่ากำไรจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากยอดที่ดินเป็นบวก ขณะที่ปี 68 นักวิเคราะห์ประเมินกระแสการย้ายฐานผลิตสู่ไทยที่เข้ามาต่อเนื่อง จะสนับสนุนให้มีโอกาสเห็น Upside และหุ้นยังมีจิตวิทยาบวกกระแสการใช้นโยบายสงครามการค้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐหนุน

Back to top button