OR บวก 7% โชว์กำไร Q4 เกินคาดเฉียด 3 พันล. เคาะปันผล 0.13 บ. ชูอัพไซด์ 40%

OR บวก 7% กำไร Q4/67 เกินคาดเฉียด 3 พันลบ. หนุนรายได้ปี 67 ทะลุ 7.2 แสนลบ. จากธุรกิจ Lifestyle โตแรง Café Amazon ขาย 400 ล้านแก้ว ฟิลิปปินส์ฟื้น ปี 68 ลุยลงทุน 1.9 หมื่นลบ. ปันผล 13 สต. XD 24 ก.พ. เป้า 15.89 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 ก.พ. 68) ราคาหุ้น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ณ เวลา 10:03 น. อยู่ที่ระดับ 12.20 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 7.02% สูงสุดที่ระดับ 12.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 116.98 ล้านบาท

ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2567 มีกำไรสุทธิ 2,999 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 193 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 1,609 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2567 โดยเพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle มี EBITDA จำนวน 4,887 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ขณะที่ ผลการดำเนินงานปี 2567 มีรายได้ขายและบริการ 723,958 ล้านบาท ลดลง 5.9% จากปี 2566 โดยหลักจากปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงและราคาน้ำมันในตลาดโลกเฉลี่ยปรับลดลงของกลุ่มธุรกิจ Mobility โดยรายได้ขายลดลง 7.4% สวนทางกับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่เพิ่มขึ้น 8.2% ตามการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นของทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม โดยในปี 2567 Café Amazon มียอดขายรวมกว่า 400 ล้านแก้ว ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ กลุ่มธุรกิจ Global ปรับเพิ่มขึ้น 10.9% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก

ทั้งนี้ ปี 2567 บริษัทมี EBITDA จำนวน 17,666 ล้านบาท อ่อนตัวจากกลุ่มธุรกิจ Mobility แต่กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ยังแข็งแกร่ง โดยปรับเพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งกลุ่มธุรกิจ Global ก็ปรับเพิ่มขึ้น โดยหลักจากภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ฟื้นตัวในประเทศฟิลิปปินส์ ภาพรวมค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิปกติยังปรับลดลง 11.7% โดยหลักจากค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย ซึ่งในปีที่ผ่านมามีค่าใช้จ่ายพิเศษเนื่องจากใช้กลยุทธ์การทบทวน Portfolio ยุติธุรกิจที่ไม่ทำกำไร และให้ความสำคัญกับธุรกิจที่ทำกำไรและมีโอกาสเติบโตในอนาคต จะส่งผลดีต่อธุรกิจของ OR ในระยะยาว สำหรับกำไรสุทธิ จำนวน 7,650 ล้านบาท ลดลง 31% จากปีก่อน

นอกจากนี้ ปี 2567 OR ได้รับการประเมินผลหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ติดอันดับรายชื่อหุ้นยั่งยืนที่ระดับสูงสุด “AAA” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงยังคว้าอันดับ 1 ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเป็นปีที่ 2 สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจบนรากฐานของความยั่งยืน และได้รับการยอมรับในระดับสากล

สำหรับปี 2568 คาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้น จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยหลักจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุน คาดว่าในปี 2568 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติใกล้เคียงระดับปกติ โดยมุ่งเน้นการใช้ Digitalization & Innovation เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ สำหรับกลุ่มธุรกิจ Mobility ตั้งเป้ารักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าน้ำมันในประเทศไทย และดึง Market share กลับมา มุ่งเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภค และเป็นพาร์ตเนอร์ในการเดินทางสำหรับทุกคน (Mobility Partner) ผ่านเครือข่ายสถานีบริการ PTT Station

รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และเตรียมความพร้อมในการขยายจากธุรกิจน้ำมันสู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based) เพื่อรองรับแนวโน้มพลังงานสะอาดในอนาคต เช่น การสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) รวมถึงพลังงานทางเลือกอื่นในอนาคต

ส่วนกลุ่มธุรกิจ Lifestyle จะยังคงรักษาความแข็งแกร่งของ Café Amazon ตลอด Value Chain รวมทั้งหาโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ ร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตให้ครอบคลุมทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) และธุรกิจไลฟ์สไตล์อื่น ๆ เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นแม่เหล็ก (Magnet) ในการดึงดูดลูกค้าให้กับธุรกิจหลักของ OR รวมถึงการศึกษาธุรกิจด้าน Health & Wellness ที่มีโอกาสเติบโตสูง เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในทุกรูปแบบ และยกระดับระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่ง

ขณะที่ กลุ่มธุรกิจ Global ยังคงสานต่อนโยบายในการขยายธุรกิจในประเทศกัมพูชาในฐานะที่เป็น Second Home Base เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเมือง รวมถึงมี Demand สำหรับสินค้าและบริการของ OR รวมถึงแสวงหาโอกาสการเติบโตไปยังประเทศใหม่ โดยร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยสนับสนุนต่อยอดในธุรกิจปัจจุบันมุ่งหวังการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต

โดยปี 2568 จะใช้งบลงทุนรวม 18,886.9 ล้านบาท แบ่งเป็น ลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Mobility จำนวน 7,656.7 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจ Lifestyle จำนวน 7,280.4 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจ Global จำนวน 2,771.8 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจ Innovation & New Business อีกจำนวน 1,178 ล้านบาท

รายงานข้อมูลจาก LSEG CONSENSUS ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่ 15.89 บาท อัพไซด์  40% จาก 13 โบรกเกอร์

Back to top button