SPRC ดีด 3% รับงบปี 67 พลิกกำไร 2.2 พันล้าน บอร์ดเคาะปันผล 0.15 บ.

SPRC ดีดบวก 3% หลังรายงานงบปี 67 พลิกมีกำไร 2.2 พันล้านบาท รับรู้การเติบโตค่าการกลั่น พ่วงต้นทุนขนส่งลด ฟาก บอร์ดเคาะจ่ายปันผล 0.15 บาท ขึ้น XD 6 มี.ค. กำหนดจ่ายปันผลวันที่ 9 พ.ค. 68


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (20 ก.พ.68) ราคาหุ้น บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ณ เวลา 10:21 น. อยู่ที่ระดับ 5.50 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 2.80% สูงสุดที่ระดับ 5.55 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.35 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24.36 ล้านบาท

โดยบริษัทพลิกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,234.89 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ อยู่ที่ 1,229.93 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเติบโตนี้เกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าการกลั่น และอัตราการน้ำมันดิบเข้ากลั่นที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา รวมถึงค่าขนส่งน้ำมันดิบที่ลดลงจากการนำทุ่มผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล (SPM) กลับมาใช้งามตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567

นอกจากนี้ ด้วยการรวมธุรกิจการกลั่นและธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปีโตรเลียมเข้าด้วยกัน บริษัทฯ ได้พัฒนาคุณค่าของห่วงโซ่ธุรกิจจากโรงกลั่นน้ำมัน ผ่านไปยังธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงการจัดหาน้ำมันดิบและวัตถุดิบการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการกลั่น และการเพิ่มประสิทธิภาพช่องทางการจัดจำหน่ายและโลจิสติกส์ ด้วยความมุ่งมั่นเหล่านี้ได้เพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้โครงการปรับปรุงผลกำไรสุทธิ (BLIP) ของบริษัทฯ มีมูลค่า 0.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล นอกจากนี้ SPRC ได้เสร็จสิ้นการซื้อกิจการธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2567 และในเดือนกันชายน 2567 บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจสถานีบริการน้ำมันโดยขยายครือข่ายสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่อง

โดยได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ บริษัท เพียว พลังงานไทย จำกัด (Pare Thai) เพื่อดำเนินการประกอบกิจการเปลี่ยนสถานีบริการน้ำมัน “เพียวไทย” ให้เป็นเครื่องหมายการค้า “คาลเท็กซ์” ทำให้จำนวนสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 527 แห่ง ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2567 ขณะที่ในปี 67 บริษัทมีรายได้จากการขาย อยู่ที่ 270,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 265,497 ล้านบาท

ส่วนต้นทุนขายในปี 2567 ค่อนข้างคงที่เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยทั้ง 2 ปีมีการบันทึกผลขาดทุนสุทธิจากสต็อกน้ำมันเนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงโดยเฉพาะในปี 2566 นอกจากนี้ คำขนส่งน้ำมันดิบยังลดลงจากการกลับมาใช้งานของน้ำทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล (SDM) อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายที่เห็นขึ้นในปี 2567 ส่งผลให้ต้นทุนขายค่อนข้างคงที่เมื่อเทือบกับช่วงกลาเดียวกันของปีก่อน

อีกทั้งในปี 2567 ค่าเงินบาทลดลงเนื่องจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน  20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 708  ล้านบาท จากเงินกู้ยืมและเจ้าหนี้ที่เป็นเงินบาท เมื่อเทียบกับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนวน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 861 ล้านบาท ในปี 2566

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมปันผลจากงวดดำเนินงาน วันที่ 1 ม.ค. 67 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 67 เป็นเงินสด 0.15 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 6 มี.ค. 68 และกำหนดจ่ายปันผล วันที่ 9 พ.ค. 68

Back to top button