IVL พุ่งต่อ 5% โบรกเชียร์ “ซื้อ” เป้า 25 บาท ชี้ปี 68 ฟื้น ไร้ตั้งด้อยค่า-ยอดขายพุ่ง

IVL วิ่งแรง 5% โบรกแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท มองผลงานปี 68 เข้าสู่โหมดเติบโตสูง หลังไม่มีการตั้งด้อยค่าครั้งใหญ่แล้ว และยอดขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 มี.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ณ เวลา 10:13 น. อยู่ที่ระดับ 21.50 บาท บวก 1 บาท หรือ 4.88% สูงสุดที่ระดับ 21.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 20.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 214.81 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น IVL ราคาเป้าหมาย 25 บาท โดยระบุว่าราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ซื้อขายใกล้เคียงกับมูลค่าทางบัญชีหลังจากมีการตั้งด้อยค่าครั้งใหญ่แล้ว โดยในปี 68 คาดการณ์ว่า IVL มีอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/B) ที่ 1.0 เท่า และอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ที่ 10 เท่า เทียบกับผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ 10% นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มกำไรที่เติบโตสูงในปีนี้ รวมถึงแผนการเสนอขายหุ้น IPO ของสองกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตดี

ทั้งนี้ IVL ได้เปิดเผยแผนธุรกิจ “IVL 2.0” ซึ่งเป็นแผนระยะ 3 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA จาก 1.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีที่แล้ว เป็น 2.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 70 หรือเติบโตขึ้น 35% โดย EBITDA ส่วนเพิ่ม 530 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) 410 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 77% มาจากการเพิ่มปริมาณขายผ่านการเพิ่มอัตราการเดินเครื่องจักร ขยายตลาดใหม่ และนวัตกรรม 2) 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 15% มาจากการลดต้นทุนหลังการปรับโครงสร้างสินทรัพย์ และ 3) 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 8% มาจากอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นในธุรกิจ Combined PET (CPET) แม้ว่าปริมาณขายในปีที่แล้วลดลง 1% จากปีก่อนหน้า โดยคาดการณ์ว่าตลาด PET จะเติบโตเฉลี่ย 4.2% CAGR ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะตลาดรีไซเคิลที่เติบโตสูงในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากจำนวนประชากรและอัตราการบริโภคต่อหัวที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ฐานการผลิตของ IVL ที่กระจายอยู่ทั่วโลกช่วยให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันท่ามกลางนโยบายกีดกันทางการค้า โดยคาดว่า CPET จะมีสัดส่วน EBITDA คิดเป็น 55% ของทั้งหมด

อีกทั้ง IVL คาดการณ์ว่าจะสามารถดำเนินการเสนอขายหุ้น IPO ของธุรกิจในเครือ ได้แก่ Indovinya และ Indovida ได้สำเร็จภายในครึ่งแรกของปี 69 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเลือกตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้ได้มูลค่าการระดมทุนสูงสุด บริษัทตั้งเป้าระดมทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อนำไปชำระหนี้สิน

โดยทั้งสองธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง Indovinya ซึ่งดำเนินธุรกิจด้าน Coating & Construction และ Home & Personal Care มีแผนขยายตลาดจากอเมริกาไปสู่เอเชีย โดยเฉพาะอินเดีย ขณะที่ Indovida ซึ่งดำเนินธุรกิจด้าน Packaging จะเน้นเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ากลุ่ม FMCG และเครื่องดื่ม พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มอัตรากำไร

ทั้งนี้ IVL คาดการณ์ว่าฐานะการเงินของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า จากการเติบโตของ EBITDA และการระดมทุนผ่าน IPO โดยหลังจากหักค่าใช้จ่ายด้านเงินปันผลและงบลงทุนเพื่อการเติบโต (Growth CAPEX) จำนวน 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว บริษัทคาดว่าสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA จะลดลงจาก 4.7 เท่า เหลือ 2.3 เท่า ในปี 70 จากหนี้สินสุทธิที่ลดลงจาก 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เหลือ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ดีหลังจากการตั้งด้อยค่ารวม 3.3 หมื่นล้านบาทในปี 66-67 IVL คาดการณ์ว่าจะเห็นผลบวกจากการลดต้นทุน ซึ่งช่วยเพิ่ม EBITDA ได้ 130-140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี รวมถึงค่าเสื่อมราคาที่ลดลง นอกจากนี้ คาดการณ์ว่ากำไรปกติในปีนี้จะเติบโต 8% จากปีก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน และอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้นผ่าน Adjusted EBITDA ต่อเมตริกตัน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน สู่ระดับ 117 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ด้านแนวโน้มมาร์จิ้นของธุรกิจ PET ในปี 68 คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า และอาจมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์มูลค่า 150-200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี นอกจากนี้ คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ IVL จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการไม่มีการตั้งด้อยค่าก้อนใหญ่เหมือนในช่วงสองปีที่ผ่านมา

Back to top button