แรงขายทำกำไรฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 40 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดทะยานขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ โดยหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง หลังจากบริษัทวอลมาร์ทปรับลดคาดการณ์ยอดขายในปีนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ลดแรงบวกในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,413.43 จุด ลดลง 40.40 จุด หรือ -0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,917.83 จุด ลดลง 8.99 จุด หรือ -0.47% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,487.54 จุด ลดลง 46.53 จุด หรือ -1.03%
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนทุบขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ลดแรงบวก ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง โดยหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.1% หุ้นมาราธอน ออยล์ คอร์ป ดิ่งลง 6.5% หุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม ร่วงลง 8.5% และหุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน ดิ่งลง 8.6%, หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง หลังจากบริษัทวอลมาร์ทปรับลดคาดการณ์ยอดขายในปีนี้ โดยหุ้นวอลมาร์ทร่วงลง 3% หุ้นโครเกอร์ ดิ่งลง 3.5% และหุ้นฮอร์เมล ฟู๊ดส์ คอร์ป ร่วงลง 3.6%
ขณะเดียวกันวอลมาร์ทประกาศแผนปิดสาขา 269 แห่งทั่วโลก หลังจากบริษัทประสบปัญหาในการแข่งขันกับบริษัทค้าปลีกออนไลน์ โดยสาขา 269 แห่งที่วอลมาร์ทจะปิดดำเนินการนั้น รวมถึง 154 แห่งในสหรัฐ และการปิดสาขาของวอลมาร์ทจะส่งผลกระทบต่อพนักงาน 16,000 คนทั่วโลก ซึ่งรวมถึง 10,000 คนในสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยConference Board เปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ประจำเดือนม.ค.ลดลง 0.2% สู่ระดับ 123.2 เพราะผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาหุ้น
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกขยับขึ้นสู่ระดับ -2.8 ในเดือนก.พ. จากระดับ -3.5 ในเดือนม.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงติดลบเป็นเดือนที่ 6 ในเดือนก.พ. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตได้รับผลกระทบจากอุปสงค์โลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์ รวมทั้งการดิ่งลงของราคาน้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค. ในวันนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย