
DUSIT เด้ง 2% รับผุดโครงการ “ดุสิต อจารา หัวหิน” เจาะตลาดไฮเอนด์ หนุนรายได้อนาคต
DUSIT บวก 2% หลังประกาศทุ่มงบลงทุน 2 พันล้านบาท เดินหน้าโครงการ “ดุสิต อจารา หัวหิน” บนที่ดินขนาด 20 ไร่ พัฒนาพักอาศัยระดับไฮเอนด์ ช่วยหนุนรายได้ในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (20 มี.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT ณ เวลา 10:58 น. อยู่ที่ระดับ 8.95 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 2.29% สูงสุดที่ระดับ 8.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.09 ล้านบาท
นางสาวมัณฑนี สุรกาญจน์กุล เลขานุการบริษัท DUSIT แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัท ดุสิต อจารา หัวหิน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่มีทุนจดทะเบียนและชำระแล้วจำนวน 569.09 ล้านบาท โดยมี บริษัท ดุสิต ฮอสปิทาลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด (บริษัทย่อยที่ดุสิตถือหุ้นร้อยละ 99.9) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนร้อยละ 82 กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมพัฒนาโครงการที่พักอาศัยภายใต้ชื่อ “ดุสิต อจารา หัวหิน” บนที่ดินขนาด 20 ไร่ 20 ตารางวา ริมถนนเพชรเกษม อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งตั้งอยู่ติดกับโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน
สำหรับ โครงการ ดุสิต อจารา หัวหิน เป็นโครงการที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ (High-End Residences) ที่ได้รับการออกแบบโดยมุ่งเน้นแนวคิดการอยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี (Well-being) โดยเน้นการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีรูปแบบการอยู่อาศัยที่รองรับลูกค้าทุกช่วงวัยภายในพื้นที่เดียวกัน (Multi-generational Living) มูลค่าโครงการอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดขายภายในปี 2568 ผ่านสำนักงานขายที่ตั้งอยู่ภายในโครงการ ขณะที่การก่อสร้างมีกำหนดเริ่มต้นในปี 2569 ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนหลักของโครงการมาจากรายได้จากการขายและสินเชื่อโครงการ (Project Finance)
ส่วนประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนโครงการ ดุสิต อจารา หัวหิน สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทในการขยายธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเป็นการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดมูลค่าสูงสุด (Maximizing Asset Utilization)
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ ถึง DUSIT ว่า ผู้บริหารตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2568 เติบโตขึ้น 30-35% จากปีก่อน แตะระดับ 9,600-9,900 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์อัตรากำไร EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 16-18% จาก 15% ในปี 2567
ทั้งนี้ ธุรกิจโรงแรม ซึ่งคิดเป็น 67% ของรายได้รวม บริษัทคาดว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมจะเติบโต 15-18% จากปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของ RevPAR 11% ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) ที่ปรับตัวขึ้น 7% จากระดับ 4,078 บาท ประกอบกับอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นเป็น 75% จาก 73% ในปี 2567
สำหรับ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการ 257 ห้อง หรือคิดเป็น 90% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด บริษัทคาดว่าอัตราการเข้าพักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 56% จาก 28% ในปี 2024 ขณะที่ ADR คาดว่าจะอยู่ที่ 12,000 บาท เพิ่มขึ้น 8-10% จากปีก่อน ทั้งนี้ ผู้บริหารคาดว่าโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะสามารถ ถึงจุดคุ้มทุนภายในปี 2569 โดยมีอัตราการเข้าพักอยู่ในช่วง 65-70%
ด้านธุรกิจอาหาร คิดเป็น 20% ของรายได้ ซึ่งผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ อยู่ที่ 20-25% จากปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะขับเคลื่อนการเพิ่มลูกค้าของบริการอาหาร (จัดหาให้กับโรงเรียนนานาชาติ)
ส่วนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มบันทึกรายได้จากดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งเป็นโครงการร่วม ทุนกับ CPN มูลค่า 4.6 หมื่นล้านบาท โครงการได้เริ่มดำเนินการเป็นระยะ โดยประกอบด้วย 1.) โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ซึ่งเปิดในปี 2567 2.) เดอะ ดุสิต เรสซิเดนซ์ อาคารสูง 69 ชั้น จำนวน 406 ยูนิต มูลค่า 17 พันล้านบาท ซึ่งขายได้ 88% ของพื้นที่แล้ว
โดยคาดจะเริ่มโอนได้ในไตรมาส 4/2568 และ 3.) เซ็นทรัล พาร์ค รีเทล และ เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศ (43 ชั้น พื้นที่ 130,000 ตร.ม.) บริหารโดย CPN และกำหนดเปิดในครึ่งหลังปี 2568 ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์มีมุมมองเชิงบวกต่อ DUSIT หลังจากจากการประชุมนักวิเคราะห์ครั้งนี้ โดยให้ราคตาพื้นฐานอยู่ที่ 8.75 บาท