THANI บวก 3% โบรกชี้กำไร Q1 สดใส รับยอดขายรถยึดพุ่ง-สินเชื่อแกร่ง

THANI บวก 3% โบรกมองผลงานไตรมาส 1/68 เติบโตต่อ หลังยอดการขายรถยึดดีขึ้น พ่วงสินเชื่อกลับมาเติบโต


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (20 มี.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI ณ เวลา 14:53 น. อยู่ที่ระดับ 1.84 บาท บาก 0.05 บาท หรือ 2.79% สูงสุดที่ระดับ 1.88 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.77 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 17.96 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ โดยคาดการณ์ว่า THANI จะมีการขายรถยึดดีขึ้น โดยในขณะนี้การขายออกสูงกว่ารถที่ยึดเข้ามาแล้ว นับเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้คาดการณ์ว่าสินเชื่อจะกลับมาเติบโตได้ โดยทาง THANI คาดว่าสินเชื่อจะเริ่มเติบโตได้ในครึ่งหลังปี 67 โดยตั้งเป้าจะปล่อยสินเชื่อใหม่ 16,000-17,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ปล่อยสินเชื่อได้ 16,761 ล้านบาท ประกอบกับปริมาณ NPL เริ่มลดลงตั้งแต่ปลายปีก่อน และในไตรมาส 1/68 ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ทาง THANI ได้มีการตั้งสำรองเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้คาดว่าการตั้งสำรองในปีนี้น่าจะลดน้อยลงได้ และการขายรถยึดออกไปได้มาก จะทำให้มีการกลับสำรองที่ตั้งไว้เผื่อรถยึดเหล่านั้นด้วย ซึ่งน่าจะทำให้เห็นค่าใช้จ่ายลดลง

ด้าน บล.กรุงศรี ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง THANI ฝ่ายนักวิเคราะห์ได้ปรับราคาเป้าหมายปี 68 ขึ้นเป็น 1.40 บาท จากเดิม 1.20 บาท ตามการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 68 เพิ่มขึ้น 8% อยู่ที่ 895 ล้านบาท ส่วนปี 69 เพิ่มขึ้น 7% อยู่ที่ 967 ล้านบาท พร้อมปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์มีพัฒนาการเชิงบวก จากปัจจัย ได้แก่

1.)  อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) ในไตรมาส 4/67 ลดลงเป็น 3.31% จาก 3.80% ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 ไตรมาส ขณะที่ 2.) ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้เสีย (Credit Cost) ลดลงจาก 3.21% ในไตรมาส 3/67 เหลือ 2.22% ในไตรมาส 4/67 นอกจากนี้ 3.) บริษัทยังประกาศจ่ายเงินปันผลปี 67 ที่ให้ Dividend Yield สูงถึง 5.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในกลุ่ม Consumer Finance

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4/67 มีกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้เสียต่ำกว่าประเมิน อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิลดลง 23% จากปีก่อน จากการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการติดตามหนี้ที่เพิ่มขึ้น แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า กำไรสุทธิ เติบโตขึ้น 54% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามการฟื้นตัวของการชำระหนี้ของลูกหนี้ และการลดลงของการตัดจำหน่ายหนี้สูญ

Back to top button