
4 หุ้นกลุ่ม “ไก่-หมู” บวก! รับส่งออกพุ่ง-ราคาหน้าฟาร์มสูง
CFARM-BTG-TFG-GFPT ขานรับตัวเลขส่งออกเนื้อไก่ขยายตัว 5 เดือนติด พ่วงข่าวสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติประกาศปรับขึ้นราคาสุกรหน้าฟาร์ม 2-4 บาทต่อก.ก.
ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (25 มี.ค.68) ราคากลุ่มส่งออกเนื้อไก่และสุกรปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ เวลา 14:33 น. ตอบรับข่าวตัวเลขส่งเนื้อไก่ขยายตัวและ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ประกาศปรับขึ้นราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม ซุึ่งปรับตัวขึ้น 2-4 บาทต่อกิโลกรัม นำโดย บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ราคาอยู่ที่ระดับ 0.76 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 24.59% สูงสุดที่ระดับ 0.79 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.61 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 11.14 ล้านบาท
บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ราคาอยู่ที่ระดับ 20.80 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 5.05% สูงสุดที่ระดับ 20.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 19.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 56.88 ล้านบาท
บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT ราคาอยู่ที่ระดับ 8.75 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 4.79% สูงสุดที่ระดับ 4.54 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.36 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 112.60 ล้านบาท
บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ราคาอยู่ที่ระดับ 4.50 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 3.21% สูงสุดที่ระดับ 4.54 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.36 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 112.60 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลมาจาก นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า สมาคมได้ประกาศปรับขึ้นราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มขึ้นทุกภูมิภาค เนื่องจากความต้องการบริโภคยังคงสูงต่อเนื่อง สวนทางกับผลผลิตที่ออกตลาดที่น้ำหนักต่ำลง โดย ภาคตะวันตก ปรับขึ้น 2 บาท/ก.ก. คือ ปรับจาก 84-86 บาท/ก.ก. เป็น 86-88บาท/ก.ก. ,ภาคตะวันออก ปรับขึ้น ขึ้น 2 บาท/ก.ก. คือ ปรับจาก 84-86 บาท/ก.ก. เป็น 86-88บาท/ก.ก.
ภาคอีสาน ปรับขึ้น 2 บาท/ก.ก. คือปรับจาก 84 บาท/ก.ก. เป็น 86 บาท/ก.ก. , ภาคเหนือ ปรับขึ้น1 บาท/ก.ก. คือปรับ จาก 85 บาท/ก.ก. เป็น 86-88 บาท/ก.ก. ส่วน ภาคใต้ ปรับขึ้น 2-4 บาท/ก.ก. คือปรับ จาก 84 บาท/ก.ก. เป็น 86-88 บาท/ก.ก
นายสิทธิพันธ์ กล่าวเสริมว่าขณะนี้ ผู้บริโภคและผู้ค้าเนื้อสุกร หรือเขียงตามตลาดสดสอบถามเข้ามายังสมาคม ถึงกรณี หมูขึ้นราคาหน้าฟาร์มในช่วง 3 สัปดาห์ที่แล้ว ของเดือน มี.ค. 68 อยากชี้แจงว่า อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจ เนื่องจากตลอดระยะเวลาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คือปี 66-67 ผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศขาดทุนอย่างมาก มีการหยุดประกอบอาชีพสำหรับฟาร์มขนาดเล็ก กลุ่มฟาร์มขนาดกลางลดการเลี้ยง
โดยการลดจำนวนแม่พันธุ์สุกรลง 40-50% เพราะต้องทนต่อการขาดทุนจากการขายต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยงมาเป็นเวลานาน ทำให้ราคาเนื้อสุกรที่ผู้บริโภคคุ้นชินที่อยู่ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 67 มีระดับราคาของห้างค้าปลีก ประมาณ 109-119 บาท/กิโลกรัมในกลุ่มของเนื้อแดงที่เป็นสะโพกและหัวไหล่ ที่สะท้อนกลับเป็นราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรขาดทุนตัวละประมาณ 500 – 700 บาท โดยเกษตรกรขาดทุนหนักที่สุดช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 66 ที่ประมาณ 40% หรือประมาณ 3,600 บาท/ตัว
ขณะที่ ปัจจุบันราคาสุกรหน้าฟาร์มมีกำไรเพียง 13 % ที่ถือว่าเป็นราคาที่มีความยุติธรรมทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค แต่สินค้าเกษตรมีความไม่แน่นอนของราคา แต่ขอยืนยันว่าการปรับราคาขึ้นแต่ละครั้งจะเป็นไปตามกลไกตลาด โดยผู้เลี้ยงสุกรให้ความร่วมมือด้วยดีกับภาครัฐเสมอมา กรณีการควบคุมระดับราคาที่จะไม่ให้สูงเกินไป
ส่วน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ เผยตัวเลขส่งออกไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ขยายตัว 14% โดยพบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 3.9 จากปีก่อน และขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 9.3 นับเป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน ซึ่งเป็นการขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน เนเธอร์แลนด์ และ ไอร์แลนด์ เป็นต้น
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง TFG คาดการณ์ราคาปรับตัวขึ้นตอบรับข่าวสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติประกาศปรับขึ้นราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม โดยปรับตัวขึ้น 2-4 บาทต่อก.ก. ทำให้ราคาหมูปรับขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 88 บาทต่อ ก.ก. มองเป็นบวกต่อ TFG โดยตรง นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมเพิ่มจำนวนสาขาจาก 430 สาขา ไปสู่ 600 สาขาในสิ้นปี 68 โดยสัดส่วนรายได้ในอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) มาจากหมูกว่า 49% คาดยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในสิ้นปีจะโตแตะ 15%