TOP ดีดบวก 1% ลุ้นชนะคดี UJV โบรกชูเป้า 33 บาท

TOP เด้ง 1% มีลุ้นชนะคดีกลุ่ม UJV ผู้บริหารยันไม่กระทบแผนก่อสร้าง CFP เสร็จภายใน Q3/71 แน่นอน ด้าน บล.กรุงศรี มองโอกาสชนะคดีสูง แนวโน้มได้เงินชดเชยและค้ำประกันเพิ่ม ให้ราคาเป้าหมาย 33 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 มี.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ณ เวลา 10:20 น. อยู่ที่ระดับ 25.50 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.99% สูงสุดที่ระดับ 25.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 25.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103.21 ล้านบาท

ด้าน นายบัณฑิต ธรรมประจําจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ TOP เปิดเผยว่า ไทยออยล์ได้ยื่นข้อเรียกร้องแย้งต่อผู้ร้องต่ออนุญาโตตุลาการ ภายหลังจาก เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (รวมเรียกว่าผู้ร้อง) ได้เริ่มกระบวนการอนุญาโตตุลาการกับบริษัท ต่อ Singapore International Arbitration Centre (กระบวนการอนุญาโตตุลาการ)

ทั้งนี้ ผู้ร้องเป็นสมาชิกของกิจการร่วมค้าระหว่าง PSS Netherlands B.V. และ unincorporated joint venture ของผู้ร้อง และ Petrofac South East Asia Pte. Ltd. (กลุ่มกิจการร่วมค้า) ซึ่งบริษัทได้เข้าทําสัญญาสําหรับการออกแบบวิศวกรรม การจัดหาและการก่อสร้าง (Engineering, Procurement and Construction) ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2561 รวมทั้งที่แก้ไขเพิ่มเติม (สัญญา EPC) สําหรับโครงการพลังงานสะอาด (โครงการ CFP)

ขณะที่ กระบวนการอนุญาโตตุลาการเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องกับบริษัท ในเรื่องสัญญา EPC โดยเฉพาะกรณีการใช้สิทธิของบริษัท ในการบังคับหลักประกันของกลุ่มกิจการร่วมค้าเป็นจํานวนเงินประมาณ 358 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามที่บริษัทได้เปิดเผยสารสนเทศผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 ทั้งนี้ผู้ร้องได้มีการกล่าวอ้างว่าการใช้สิทธิบังคับหลักประกันดังกล่าวของบริษัท เป็นการใช้สิทธิก่อนถึงกําหนดเวลา และเป็นการดําเนินการที่ไม่สมควร อีกทั้งยังได้เรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัท สําหรับความเสียหาย ซึ่งผู้ร้องยังมิได้มีการระบุรายละเอียดแต่อย่างใด

โดยบริษัทขอยืนยันว่าบริษัทได้ปฏิบัติตามข้อกําหนดและเงื่อนไขของสัญญา EPC อย่างเคร่งครัดตลอดมา และบริษัทจะยังคงปฏิบัติตามข้อกําหนดและเงื่อนไขดังกล่าวอย่างเคร่งครัดต่อไป โดยพิจารณาถึงผลประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้นเป็นสําคัญ บริษัทเห็นว่าข้อกล่าวหาของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล โดยเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 บริษัทได้ยื่นคําคัดค้านเพื่อโต้แย้งข้อเรียกร้องดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทขอให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียว่ากระบวนการอนุญาโตตุลาการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดําเนินโครงการ CFP ซึ่งตามแผนจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2571 บริษัทได้มีการเตรียมการสําหรับกระบวนการอนุญาโตตุลาการแล้ว และพร้อมที่จะดําเนินการกับกรณีดังกล่าวให้ลุล่วงต่อไป บริษัทยังคงยึดมั่นในการดําเนินธุรกิจตามหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดี โดยมุ่งเน้นการสร้างผลประโยชน์แก่บริษัทและผู้ถือหุ้น รวมถึงปกป้องสิทธิทางกฎหมายของบริษัท ทั้งนี้บริษัทจะชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับความคืบหน้าที่สําคัญของกระบวนการอนุญาโตตุลาการตามหน้าที่ทางกฎหมายของบริษัทต่อไป

ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มองว่า ไทยออยล์มีโอกาสชนะในข้อพิพาทสูง เนื่องจากเหตุการณ์บ่งชี้ชัดเจนว่าผู้รับเหมาหลัก (UJV) เป็นฝ่ายผิดที่ไม่จ่ายเงินให้ผู้รับเหมาช่วง แม้ว่าไทยออยล์จะจ่ายเงินให้ผู้รับเหมาหลักไปแล้วก็ตาม

“ความเสี่ยงในอนาคตจากข้อพิพาทเพิ่มเติมน่าจะเป็นในขาขึ้น (Upside) สำหรับไทยออยล์มากกว่าขาลง (Downside) เนื่องจากมีโอกาสชนะสูง”

นอกจากนี้ กรณีที่ธนาคารระดับภูมิภาค ยอมจ่ายเงินหลักประกัน แสดงว่าธนาคารได้พิจารณาแล้วว่าไทยออยล์มีสิทธิ์ หากธนาคารจ่ายเงินโดยไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข หรือไม่จ่ายเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไข ก็อาจถูกฟ้องร้องได้

สำหรับการยึดเงินหลักประกัน โดยไทยออยล์รับรู้เงินหลักประกัน 358 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากก่อนหน้า โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ จะรับรู้ผ่านงบกำไรฯ 98 ล้านบาท ที่เหลือจะไป capitalized ลดค่าก่อสร้างโครงการ CFP

ส่วนกระบวนการทางกฎหมายที่เกิดขึ้น รวมถึงที่จะเกิดในอนาคต น่าจะไม่ทำให้ตลาดตกใจมาก เพราะโครงการ CFP ได้รับผลกระทบจากต้นทุนส่วนเพิ่ม และระยะเวลาก่อสร้างที่ล่าช้าออกไปอย่างมีนัยสำคัญไปแล้ว มีแนวโน้มสูงที่ TOP จะต้องปกป้องสิทธิ์ทางกฏหมาย

ดังนั้น หาก TOP ชนะข้อพิพาทในระยะยาว จะเป็น upside ต่อประมาณการ และคาดว่า TOP มีแผนรับมือหากต้องมีการเปลี่ยนผู้รับเหมาฯ หลัก จากมีการของบลงทุนส่วนเพิ่ม (33% ของมูลค่าโครงการเดิม) ทั้งนี้ขั้นตอนทางกฏหมายยังต้องใช้เวลา และยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด จึงยังไม่รวม upside จากเงินชดเชย และการยึดเงินหลักประกันเพิ่มเติมในอนาคต

โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 33 บาทต่อหุ้น แนวโน้มกำไรเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 ที่ stock loss ลดลงและเปิดใช้ทุ่นผูกเรือกลางทะเล หมายเลข 2 หรือ SBM2 และปีนี้การปิดซ่อมลดลง คงมุมมองสุดท้าย TOP จะสามารถจัดหาผู้รับเหมาฯ หลักมาดำเนินการก่อสร้างโครงการได้ตามแผน และยังมี upside หากดำเนินการทางกฎหมายที่จำเป็นแล้วได้เงินค้ำประกันเพิ่มเติม

Back to top button