7 หุ้น “ท่องเที่ยว” วิ่งคึก รับข่าวรัฐจัดศึก “ฟอร์มูลา 1”-ครม.จ่อเคาะเอนเตอร์เทนเมนต์ฯ

ERW วิ่งนำ MINT-PLANB- BA-BJC-AAV-AOT รับข่าวรัฐเตรียมจัดศึก “ฟอร์มูลาวัน” สตาร์ต ปี 71 พร้อมลุ้น “ครม.” ไฟเขียวร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ รวมถึงโครงการเราเที่ยวด้วยกัน รัฐจ่ายคนละครึ่ง วันนี้


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (27 มี.ค.68) ราคาหุ้น กลุ่มท่องเที่ยว ปรับตัวขึ้นยกแผง ณ เวลา 10:19 น. ตอบรับข่าวรัฐบาลเตรียมศึกษาจัดการแข่งขัน F1 และการเดินหน้าโครงการ Entertainment Complex พร้อมกับการออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว นำโดย บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 2.84 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 4.41% สูงสุดที่ระดับ 2.84 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.74 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28.38 ล้านบาท

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 27.25 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.87% สูงสุดที่ระดับ 27.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 26.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28.90 ล้านบาท

บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 5.80 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 1.75% สูงสุดที่ระดับ 5.85 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 66.44 ล้านบาท

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 19.00 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 1.60% สูงสุดที่ระดับ 19.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 18.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.87 ล้านบาท

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 21.30 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 0.95% สูงสุดที่ระดับ 21.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 21.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.06 ล้านบาท

บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.79 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 0.56% สูงสุดที่ระดับ 1.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.77 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.12 ล้านบาท

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 40.25 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.63% สูงสุดที่ระดับ 40.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 39.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 88.94 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับจิตวิทยาบวกจากตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10-16 มี.ค. อยู่ที่ 6.36 แสนคน ลดลง 0.42% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน แม้ยังอ่อนตัวลงของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Long-haul แต่หากดูกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักๆ อาทิ จีน มาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย ฟื้นตัว เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ทั้งหมด หนุนนักท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (16 มี.ค.) สูงราว 8.3 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละ 1.1 แสนคน

โดยรวมฝ่ายบนักวิเคราะห์ประเมินน่าจะเริ่มสร้างจิตวิทยาทางบวกจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวหลัก ขณะที่ภาพทั้งปียังเดินหน้าสู่กรอบ 38-40 +/- ล้านคน ผสานจิตวิทยาบวก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย พบทีม F1 ยืนยันเดินหน้าศึกษาโอกาส-ความคุ้มค่าร่วมทุนจัดแข่งในไทยปี 28 และปัจจัยสนับสนุนจาการมีการจัดงาน Roundtable สัมมนาโครงการ Entertainment Complex เชิงกลยุทธ์ แนะนำ ทยอยสะสมหุ้นอิงภาคบริการที่สะท้อนความเสี่ยงท่องเที่ยวชะลอระยะสั้นไปแล้วระดับหนึ่ง อาทิ AOT, CPALL, MINT ที่อยู่ในโซน Deep Value และสายการบินที่ได้ประโยชน์น้ำมันขาลง BA

ขณะที่ข่าวล่าสุด นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เปิดเผยความคืบหน้า การจัดการแข่งขันรถฟอร์มูลาวัน (Formula 1) ชิงแชมป์โลก ในประเทศไทย หลังจากที่เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา นายสเตฟาโน โดเมนิคาลี ประธานกรรมการบริหารฟอร์มูลาวัน ได้เข้าพบกับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งส่งผลให้ล่าสุด ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับผู้บริหารฟอร์มูลาวันเป็นที่เรียบร้อย

โดยแผนการจัดการแข่งขันรถฟอร์มูลาวันในประเทศไทย ณ ตอนนี้ คาดการณ์ว่าการแข่งขันฟอร์มูลาวันในประเทศไทยจะสามารถจัดได้ในปี 2571 (ค.ศ. 2028) หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ การเซ็น MOU เพื่อศึกษาสนามแข่งและความเป็นไปได้ในการที่จะจัดการแข่งขันรถฟอร์มูลาวันในประเทศไทย ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องทำ โดย MOU ในครั้งนี้ยังไม่ใช่การตกลงที่จะจัดการแข่งขันทันที แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ฟอร์มูลาวันได้มีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการ

สำหรับสถานที่จัดการแข่งขันที่ นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ระบุให้ความสนใจโซน “จตุจักร” นั้น นายสรวงศ์ ระบุว่า ณ ตอนนี้จากการพูดคุยกับทางฟอร์มูลาวัน เขามองหาสถานที่ในรูปแบบ “สตรีตเซอร์กิต” (Street Circuit) ซึ่งจะเป็นการใช้ถนนในเมืองเป็นสนามแข่ง รวมถึงความเป็นไปได้ ช่วงเวลาในการจัด เรื่องนี้เน้นการพิจารณาความพร้อมและปัจจัยต่าง ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป เน้นว่าไม่รีบ เพื่อให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด

ขณะที่ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ประมาณการการจัดการแข่งขัน Formula One จะดึงดูนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ถึง 300,000 คน สร้างรายได้ให้ประเทศได้ถึง 12,000 ล้านบาท ที่นำไปสู่การจัดเก็บรายได้เข้าสู่ระบบภาษีได้ถึง 280 ล้านบาท นอกจากนี้ยังประมาณการได้ว่าจะสร้างการจ้างงานได้ถึง 6,000 กว่าตำแหน่งอีกด้วย

นอกจากนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้า ร่าง พ.ร.บ. ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ได้ส่งหนังสือรับฟังความเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ ครบถ้วนแล้ว ซึ่งเท่าที่ทราบไม่มีหน่วยงานใดมีความเห็นค้านร่างดังกล่าว โดย กระทรวงการคลัง ได้ส่งเรื่องไปยัง สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เรียบร้อยแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างการรอบรรจุวาระเข้าสู่ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.)

ด้าน นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์จากการจัดการแข่งขัน Formula 1 ได้แก่ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว, ท่าอากาศยาน, โรงแรมในกรุงเทพฯ และร้านอาหาร โดยหุ้นของบริษัทที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ เช่น AOT,  MINT, ERW, BJC (ในส่วนของธุรกิจอาหาร) และ PLANB รวมทั้งบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI

ส่วน นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า หุ้นกลุ่มโรงแรมและสายการบินจะได้ประโยชน์โดยตรงต่อการจัดการแข่งขัน Formula 1 โดยเฉพาะ AAV, BA, MINT, ERW และ AOT

นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุถึง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รัฐจ่ายคนละครึ่ง โดยโครงการดังกล่าว รัฐจ่ายคนละครึ่ง ค่าที่พัก ค่าเครื่องบิน ร้านอาหาร ผ่านการลงทะเบียน คูปองดิจิทัล ตั้งเป้าเริ่มใน ช่วง LOW SEASON ตั้งแต่เดือน พ.ค.68- ก.ย.68 โดยมี แผนจะเสนอมาตรการนี้ให้ ครม. พิจารณาอนุมัติในเดือน มี.ค.68

สำหรับจำนวนสิทธิเบื้องต้นให้จอง 1 ล้านสิทธิ และ อาจมีการพิจารณาเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น การจองที่พักในจังหวัดหนึ่ง อาจต้องมีการเดินทางไปยังจังหวัดอื่นด้วย เพื่อ กระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรองตามนโยบาย ซึ่งความเห็นของฝ่ายวิจัยฯมีมุมมองบวก จากการกระตุ้นการ ท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในช่วง LOW SEASON ที่การเดินทางจากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง คาดมาตรการ ดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานเชิงจากงวดเดียวของปีก่อน

โดยหากอิงตามสัดส่วนรายได้ กลุ่มที่มีรายได้จากในไทยสูง และมีโรงแรมในเมืองรอง จะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้มากกว่ากลุ่มฯ ได้แก่ ERW (จาก HOP INN) สำหรับสัดส่วนรายได้ ในไทย เรียงจากมากไปน้อย ดังนี้ ERW (สัดส่วน 89%) ตามด้วย CENTEL (สัดส่วน 73% ของรายได้โรงแรม) และ MINT (โรงแรมไทยไม่เกิน 20% ของรายได้:สัดส่วนรายได้หลักๆ อยู่ใน EU ราว 50%) ทั้ง 3 บริษัท ให้คำแนะนำ OUTPERFORM

Back to top button