CFARM เด้ง 4% สวนภาวะตลาด ลุ้นปีนี้กำไร 30 ล้าน ลุยฟาร์ม “วัวนม” ล็อตแรก 1,250 ตัว

CFARM ดีดแรง 4% สวนภาวะตลาดร่วงหนัก ส่งซิกปี 68 ฟื้น กำไรโตทะลุ 30 ล้านบาท ลุยสร้างโรงเลี้ยงวัวนม 1,250 ตัว รีดนมไตรมาส 1/69 คาดปีแรกโกยรายได้ 600 ล้านบาท และบุ๊กกำไร 6 เท่าของธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 มี.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ณ เวลา 10:04 น. อยู่ที่ระดับ 0.85 บาท บวก 0.03 บาท หรือ 3.66% สูงสุดที่ระดับ 0.87 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.83 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.57 ล้านบาท

นางสาวมธุชา จึงธนสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานการจัดการ บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568 จะกลับสู่ระดับปกติสูงกว่าปี 2567 ที่มีกำไรสุทธิ 10.14 ล้านบาท และสูงกว่าปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 30.49 ล้านบาท ซึ่งอยู่บนพื้นฐานธุรกิจฟาร์มไก่เนื้อระบบคอนแทรคฟาร์ม (Contract Farming) จะมีรอบการเลี้ยงปกติ อัตราการรอด และน้ำหนักเฉลี่ยที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และมีประสิทธิภาพกว่าเดิม  อย่างไรก็ตาม ปี 2567 เป็นปีที่บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวเข้ามาค่อนข้างมาก ทำให้กดดันกำไรลดเหลือ 10.14 ล้านบาท

“หากไม่นับรวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในปี 2567 ผลการดำเนินงานปี 2567 มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สูงประมาณ 60 ล้านบาท ภายใต้ 3 รอบการเลี้ยงรวม 1.3 ล้านตัว กำลังผลิต 15.88 ล้านตัวต่อปี ซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้า แต่อัตราการเลี้ยงรอดดีขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 95.6% และไก่มีน้ำหนักเฉลี่ย 2.8 กิโลกรัมต่อตัว ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรม และมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่คงที่ เนื่องจากระบบการเลี้ยงแบบอัตโนมัติเกือบ 100%” นางสาวมธุชา กล่าว

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นและมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยลดลง 29% จากปี 2566 บวกกับมีฐานทุนจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ประมาณ 170 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการขาย IPO ไปลงทุนในโครงการฟาร์มวัวนมและชะลอแผนการขยายฟาร์มไก่เนื้อ เนื่องจากไม่มีคู่สัญญาใหม่ และการปรับปรุงโรงเรือนเลี้ยงไก่ได้ดำเนินการตามแผนงานเรียบร้อยแล้ว

สำหรับโครงการฟาร์มวัวนม จะลงทุนในพื้นที่ 300 ไร่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยในไตรมาส 1/2568 มีการปรับหน้าดินเสร็จแล้ว และดำเนินการก่อสร้างโรงเรือนแบบปิดควบคุมอุณหภูมิ เพื่อลดปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน และเพื่อประสิทธิภาพของอัตราการให้นมต่อวัน ขณะที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสรุปการนำเข้าสายพันธุ์วัว, อุปกรณ์เลี้ยงวัว รีดนมวัว และอื่น ๆ ซึ่งกำหนดในไตรมาส 1/2569 ผลิตน้ำนมดิบเริ่มต้นล็อตแรก 1,250 ตัว เพื่อส่งให้กับคู่ค้าทันที ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อ (Order) รองรับแล้ว

ทั้งนี้ ธุรกิจฟาร์มวัวนม คาดว่าจะมีรายได้ปีแรกอยู่ที่ 600 ล้านบาท 2 เท่าธุรกิจฟาร์มไก่เนื้อ และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 6 เท่า และ EBITDA เพิ่มขึ้น 3 เท่า ส่วนธุรกิจฟาร์มไก่เนื้อคาดรายได้ไว้ที่ 294.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 31.6 ล้านบาท มี EBITDA 92.6 ล้านบาท เนื่องจากการรับรู้รายได้ของฟาร์มวัวนมจะเป็นรายได้รายวัน ต่างจากรายได้ธุรกิจฟาร์มไก่เนื้อที่รับรู้เป็นรอบการเลี้ยง ประมาณ 70-75 วันต่อรอบการเลี้ยง เชื่อว่าจะสามารถช่วยเพิ่มรายได้มากขึ้น

“การลงทุนโครงการฟาร์มวัวนม บริษัทได้มีการศึกษาและพิจารณาแล้วว่าสร้างผลตอบแทนได้ดี และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งในปีแรกธุรกิจโคนมจะสร้างฐานรายได้ 2 เท่าของรายได้ธุรกิจฟาร์มไก่ ส่วนกรณีงดจ่ายปันผล เนื่องจากต้องการนำกำไรสุทธิไปลงทุนในโครงการฟาร์มวัวนม คาดว่าจะสร้างกำไรได้เร็วและกลับมาจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นโดยเร็ว ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40%” นางสาวมธุชา กล่าว

Back to top button