ดอลล์อ่อนค่าหนุนราคาทองคำปิดบวก
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำอย่างคึกคัก
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิด (19 ก.พ.) บวก 4.5 ดอลลาร์ หรือ 0.37% แตะที่ 1,230.8 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดลบ 5.9 เซนต์ หรือ 0.38% แตะที่ 15.373 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดทรงตัวที่ 945.6 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดร่วงลง 5.80 ดอลลาร์ หรือ 1.1% แตะที่ 499.05 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ โดยเมื่อคืนนี้สัญญาทองคำเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้นกว่า 3% เพราะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ (U.S. Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในตะกร้าเงิน ปรับตัวลดลง 0.13% มาอยู่ที่ระดับ 96.72 ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะช่วยให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำอย่างคึกคัก เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและมักได้รับแรงซื้อเมื่อตลาดหุ้นอยู่ในภาวะอ่อนแอ โดยเมื่อคืนนี้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 0.13% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตราคาพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงหลุดจากระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำลดแรงบวกในระหว่างวัน เนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของสหรัฐที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่ง ได้หนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่ง