
STECON-CK วิ่งคึก ลุ้นคว้าโปรเจกต์ “บ้านเพื่อคนไทย” หนุนผลงานโตแกร่ง
STECON วิ่งต่อ 6% นำ CK รับอานิสงส์จ่อคว้างานโครงการก่อสร้าง "บ้านเพื่อคนไทย” หลังคมนาคมเสนอใช้ที่ดินการรถไฟเดินหน้า 4 โปรเจกต์ใหญ่ เสริมด้วยปัจจัยจำนวนคู่แข่งประมูลงานรัฐลดลง หนุนผลงานเติบโตแกร่ง
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (3 เม.ย. 68) ราคาหุ้นกลุ่ม รับเหมาก่อสร้าง ปรับตัวขึ้นตอบรับโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” นำโดย บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 6.55 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 5.65% สูงสุดที่ระดับ 6.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.05 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 55.53 ล้านบาท
บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 14.30 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.14% สูงสุดที่ระดับ 14.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.81 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ แนวทางดำเนินการโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ตามที่ กระทรวงคมนาคม เสนอใช้พื้นที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 4 โครงการ คือ พื้นที่โครงการ กม.11 ระยะ 1.1 กรุงเทพมหานคร, พื้นที่รอบสถานีรถไฟธนบุรี (ศิริราช) กรุงเทพมหานคร, พื้นที่รอบสถานีรถไฟจังหวัดเชียงใหม่ และ พื้นที่รอบสถานีรถไฟเชียงราก จังหวัดปทุมธานี ประเมินจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มรับเหมา อาทิ STECON, CK และ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON
ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์แนะนำลงทุนหุ้น STECON ให้เป้าพื้นฐาน 8.5 บาท ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้ Turnaround และลุ้นโอกาสการประมูลงานภาครัฐเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินผลการดำเนินงานของ STECON ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และจะเริ่มต้น Turnaround ตั้งแต่ไตรมาส 1/68 นอกจากนี้ ประเมินปัจจัยบวกหลังเหตุการณ์ แผ่นดินไหว ล่าสุด คาดการณ์ความเข้มข้นของการแข่งขันประมูลงาน โดยเฉพาะงานภาครัฐฯ จะลดลง (หน่วยงานที่เปิดประมูลเน้นดูผลงานบวกกับประวัติการก่อสร้างของผู้รับเหมา) และ 3.) Valuation ไม่แพง มีซื้อคืนหุ้นหนุนอีกแรง PBV 0.48 เท่า ขณะที่ คาดการณ์กำไรปีนี้ Turnaround เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 1/68
นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” หุ้น STECON ด้วยราคาเป้าหมาย 9.00 บาท จากแนวโน้มที่ดีขึ้น อ้างอิงจากอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ที่ 0.73 เท่า
โดยเชื่อว่า STECON จะกลับมาทำกำไรได้ในปี 68 มีปัจจัยสนับสนุน คือ ค่าใช้จ่ายพิเศษทั้งหมดได้ถูกบันทึกไปแล้วในไตรมาส 4/67 สนับสนุนมาร์จิ้นฟื้นตัว และไม่มีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และ สายสีชมพู อีกต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทบต่อผลประกอบการกว่า 500 ล้านบาทต่อปี อีกทั้ง มีงานในมือ (Backlog) เพียงพอรองรับรายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า และยังมีโอกาสประมูลรับงานโครงการภาครัฐเพิ่มเติม
ขณะที่ ปัจจุบัน STECON ซื้อขายที่อัตราส่วน P/BV ปี 68 เพียง 0.4 เท่า (-1.4SD) และ P/E 11 เท่า (-2.5SD) ซึ่งถือว่าน่าสนใจ และมีโอกาสถูกปรับมูลค่าขึ้นเมื่อผลประกอบการฟื้นตัว