
CPAXT เด้ง 3% โบรกเชียร์ “ซื้อ” เป้า 32 บาท รับ “สงกรานต์” ดันยอดขายพุ่ง
CPAXT บวก 3% อานิสงส์ “สงกรานต์” หนุนยอดขายไตรมาส 2/68 โตเด่น โบรกฯ แนะนำ “ซื้อ” เป้าราคา 32 บาท คาดไตรมาส 1/68 มีกำไร 2,700 ล้านบาท โต 7%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 เม.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ณ เวลา 10:00 น. อยู่ที่ระดับ 25 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 2.88% สูงสุดที่ระดับ 25.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 16.48 ล้านบาท
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หุ้นในกลุ่มค้าปลีกจะได้รับผลบวกจากเทศกาลสงกรานต์ เพราะเป็นช่วงที่การจับจ่ายใช้สอยจะเร่งตัวขึ้น ซึ่งบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT จะได้ประโยชน์เชิงบวกในแง่ของธุรกิจอุปโภค-บริโภคในช่วงสงกรานต์ รวมถึงกลุ่มเครื่องดื่มด้วย ดังนั้นจึงมองว่าหุ้น CPAXT ยังมี Upside และมองว่ายังสามารถลงทุนในระยะยาวได้
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CPAXT ให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 เป็น 32 บาทต่อหุ้น คาดกำไรปกติในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 2,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก 1.การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) อยู่ที่ 1.5-2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยอดขายเติบโตไม่เด่นมาก กดดันจากในปี 2567 เป็นปีอธิกสุรทิน (เป็นชื่อเรียกของปีที่เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน) และยอดขายหายช่วงสั้น ๆ ในวันที่เกิดแผ่นดินไหว 2.การขยายสาขา และ 3.อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น 18bps จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เทียบกับไตรมาสก่อนลดลง 33% ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านฤดูกาลกดดันให้ยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงจากไตรมาสก่อน
สำหรับธุรกิจค้าส่ง (Makro) ในไตรมาส 1/2568 คาดรายได้จะอยู่ที่ 70,000 ล้านบาท ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน แต่จะเพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อิงคาดการณ์ SSSG เพิ่มขึ้นที่ 1.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนธุรกิจค้าปลีก (Lotus’s) คาดรายได้ในไตรมาส 1/2568 จะอยู่ที่ 55,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากคาด SSSG เพิ่มขึ้นที่ 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมในมาเลเซียเด่นกว่าธุรกิจในไทย
ด้านต้นทุนคาดอัตรากำไรขั้นต้นรวมจะอยู่ที่ 16.4% ลดลง 60bps จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 18bps จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรขั้นต้นของ Makro คาดจะเพิ่มขึ้น 20bps จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private Label และกลุ่มอาหารสดเบเกอรี่ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของ Lotus’s คาดทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) คาดจะอยู่ที่ 17,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นตามการขยายยอดขายออนไลน์ ส่วนต้นทุนทางการเงินคาดจะอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท ลดลง 1% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 0.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนแนวโน้มผลงานไตรมาส 2/2568 ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินจะชะลอตัวจากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล แต่แนวโน้มผลการดำเนินงานจะยังเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้ต่อเนื่อง จาก SSSG ที่เติบโตรับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น แจกเงินหมื่นเฟส 3 คาดจ่ายช่วงปลายไตรมาส 2/2568 การเบิกจ่ายงบประมาณรัฐที่เพิ่มขึ้นจากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แผนการขยายสาขาของทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก รวมถึงการเติบโตผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งในปี 2567 มีสัดส่วนที่ 18% ของยอดขายรวม
สำหรับผลบวกจากการ Synergies คาดเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงไตรมาส 1/2568 บริษัทมีการเจรจากับ Suppliers ไปหลายราย ในขณะเดียวกันบริษัทพยายามจัดการลดต้นทุนซ้ำซ้อน ลดขนาดองค์กร คาดว่าจะเริ่มเห็นทิศทางในเชิงบวกของอัตรากำไรขั้นต้นและการปรับลดของค่าใช้จ่าย SG&A มากขึ้นในไตรมาส 2/2568 นี้ และจะยิ่งเห็นชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เป็นต้นไป (บริษัทคาด Synergies 5,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2568-2569)