AP-SIRI-LH บวกแรง! รับผลดีมาตรการลดค่าโอน-จดจำนองเหลือ 0.01%

AP-SIRI-LH วิ่ง! รับผลบวกลดค่าธรรมเนียมโอน-ค่าจดจำนองเหลือ 0.01% บ้าน-คอนโดราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท เหตุฐานะการเงินดี และตุนแบ็กล็อกแน่น โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” AP เป้าราคา 10.40 บาท, SIRI เป้าราคา 2.34 บาท และ LH เป้าราคา 5.20 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 เม.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ณ เวลา 11:16 น. อยู่ที่ระดับ 4.22 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 0.96% สูงสุดที่ระดับ 4.30 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43.49 ล้านบาท

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP อยู่ที่ระดับ 7.40 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 1.37% สูงสุดที่ระดับ 7.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36.35 ล้านบาท

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI อยู่ที่ระดับ 1.42 บาท บวก 0.03 บาท หรือ 2.16% สูงสุดที่ระดับ 1.44 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 33.58 ล้านบาท

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ จากปกติ 2% เหลือ 0.01% และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน จากปกติ 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มูลค่าไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญานั้น เป็นการช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังจากในช่วงก่อนหน้าได้มีการผ่อนปรนมาตรการ LTV มาแล้ว

โดยคาดหุ้นที่จะได้รับอานิสงส์บวกจากปัจจัยดังกล่าว และคงแนะนำ “ซื้อ” ลงทุน 3 บริษัท ได้แก่ AP ราคาเป้าหมาย 10.40 บาทต่อหุ้น, SIRI ราคาเป้าหมาย 2.34 บาทต่อหุ้น และ LH ราคาเป้าหมาย 5.20 บาทต่อหุ้น เนื่องจากหุ้นที่แนะนำลงทุนดังกล่าว จะเป็นหุ้นที่มีฐานะการเงินดี มียอดขายรอโอน (Backlog) และสินค้าพร้อมขายในมือ ที่พร้อมรับอานิสงส์บวกจากมาตรการดังกล่าวได้ทันที ประกอบกับในช่วงเกิดแผ่นดินไหวที่ผ่านมามีการแก้ปัญหาในเรื่อง และสามารถดึงความเชื่อมั่นกลับมาได้ค่อนข้างเร็ว

ด้าน นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ SIRI เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลประกาศลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองลงเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ไปจนถึงกลางปี 2569 นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะจะช่วยลดต้นทุนในการซื้อที่อยู่อาศัย และเมื่อรวมกับการผ่อนคลาย LTV ที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ก็ดูเหมือนว่าน่าจะช่วยทำให้ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์กลับมาเติบโตได้ เพราะเป็นเครื่องมือที่เคยใช้ประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีต

ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหาปัจจุบันของภาคอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่กำลังซื้อ ซึ่งติดกับดักหนี้ครัวเรือนอยู่ กล่าวคือ ถ้า GDP ไม่เติบโต กำลังซื้อจะไม่กลับมา จึงคาดการณ์ว่ามาตรการที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้ช่วยให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นมากนัก แล้วหากถามว่าประชาชนจะมีกำลังซื้อได้อย่างไร คำตอบคือธนาคารต้องปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น เศรษฐกิจจะไม่เติบโตถ้าสินเชื่อไม่เติบโต

ดังนั้น ถ้ามีการเพิ่มเป้าหมายให้แต่ละธนาคารปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ได้เพิ่มอีก 10% ในปีนี้ จะเป็นมาตรการที่ดีมาก ที่ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่หดตัวไปมากกว่านี้ ที่สำคัญต้องทำควบคู่ไปกับการลดดอกเบี้ย ซึ่งก่อนหน้านี้ ทาง ธปท. ได้มีการประกาศลดดอกเบี้ยมาครั้งหนึ่งแล้วในตอนต้นปี แต่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่าง ๆ ยังลดลงไม่มาก หวังว่าช่วงนี้คงต้องเป็นช่วงเวลาที่องค์กรที่มีความแข็งแรง เช่น ธนาคารพาณิชย์ที่ผลประกอบการในปีที่ผ่านมาต่างมีกำไรที่เติบโตกันถ้วนหน้า ต้องช่วยเหลือภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมให้มากขึ้น เพื่อให้ประเทศและเศรษฐกิจเดินต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการลด Spread ระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากให้แคบลง หรือปรับมาตรการบางอย่างให้เข้มข้นน้อยลง เพื่อผ่อนคลายการปล่อยสินเชื่อ เป็นต้น

Back to top button