KLINIQ บวก 4% โบรกชี้กำไร Q1 ออลไทม์ไฮ ชูเป้า 37 บาท

KLINIQ วิ่ง 4% ลุ้นกำไรไตรมาส 1/68 โตแรงแตะจุดสูงสุดใหม่ รับแรงหนุนยอดขายพุ่ง-เปิดสาขาน้อยหนุน GPM เด่น โบรกคงประมาณการกำไรทั้งปี 405 ล้านบาท เติบโต 26% พร้อมคงเป้าหมายหุ้นที่ 37 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 เม.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ อยู่ที่ระดับ 31.75 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.10% สูงสุดที่ระดับ 32.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 30.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 11.99 ล้านบาท

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 1/68 จะอยู่ที่ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยการเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนเป็นผลจากรายได้รวมที่ขยายตัว 19% จากปีก่อน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากยอดขายเงินสด (cash sales) ที่ทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All Time High) ตามการขยายตัวของจำนวนสาขา (ไตรมาส 1/68 = 73 สาขา เทียบกับ 65 สาขาในไตรมาส 1/67 และ 72 สาขาในไตรมาส 4/67) รวมถึงยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตประมาณ 10%

นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการเปิดสาขาใหม่เพียง 1 แห่งในไตรมาสนี้ เทียบกับ 10 สาขาในช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านการเติบโตจากไตรมาสก่อนได้รับปัจจัยบวกจาก GPM ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ที่ลดลง

ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 68 ที่ระดับ 405 ล้านบาท เติบโต 26% จากปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้รวมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 13% จากการเติบโตของยอดขายในทุกแบรนด์ และแผนการขยายสาขาใหม่จำนวน 10 สาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน GPM มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากสาขาที่เปิดในปี 67 ซึ่งเริ่มพลิกมาสร้างกำไรได้ และจำนวนสาขาใหม่ในปี 68 ที่เปิดน้อยกว่าปี 67 (ปี 67 เปิด 20 สาขา) ช่วยลดแรงกดดันต่อ GPM โดยแผนการเปิดสาขาแบ่งเป็น 1 สาขาในไตรมาส 1/68, 5 สาขาในไตรมาส 2/68, 3 สาขาในไตรมาส 3/68 และ 1 สาขาในไตรมาส 4/68

พร้อมกันนี้ ยังคงราคาเป้าหมายที่ระดับ 37 บาท โดยอิง PER ปี 68 ที่ 20 เท่า ทั้งนี้ ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อ KLINIQ จาก 1) จำนวนสาขาที่มีการกระจายตัวทั่วประเทศ ช่วยเสริมฐานรายได้ในระยะยาว และ 2) มูลค่าหุ้น (valuation) ที่ยังน่าสนใจ ซึ่งราคาหุ้นในปัจจุบันยังไม่สะท้อนการเติบโตของกำไรในช่วงปี 68-69 ที่คาดการณ์ว่าจะทำระดับสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง

Back to top button