
4 หุ้น “โรงไฟฟ้า-ปิโตรฯ” วิ่งคึก รับข่าวคลังบินถกมะกัน นำเข้าก๊าซ 15 ล้านตัน
PTTGC บวก 5% นำ GPSC- IVL- BGRIM รับข่าว คลังผนึกปตท. บินเจรจาสหรัฐฯ เสนอนำเข้าก๊าซ LNG 15 ล้านตัน ยาว 15 ปี มั่นใจกดต้นทุนราคา Pool Gas ลดลง ดันกำไร GPSC และ BGRIM เพิ่มขึ้น 5%
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (17 เม.ย.68) ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และปิโตรเคมี ปรับตัวขึ้นยกแผง ณ เวลา 10:14 น. รับข่าวกระทรวงการคลังเตรียมนำเข้าก๊าซจากสหรัฐ นำโดย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC อยู่ที่ระดับ 17.90 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 4.68% สูงสุดที่ระดับ 17.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 17.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 104.13 ล้านบาท
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC อยู่ที่ระดับ 28.75 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 3.60% สูงสุดที่ระดับ 29.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 28.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 122.93 ล้านบาท
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL อยู่ที่ระดับ 19.90 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 1.02% สูงสุดที่ระดับ 19.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 19.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24.32 ล้านบาท
บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM อยู่ที่ระดับ 10.70 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.94% สูงสุดที่ระดับ 10.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28.25 ล้านบาท
ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังการหารือกับผู้บริหาร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เกี่ยวกับแนวทางการจัดหาก๊าซธรรมชาติและปิโตรเคมี ภายใต้การเจรจารับมือนโยบายกำแพงภาษีสหรัฐอเมริกาว่าแผนด้านพลังงานที่จะเจรจาสหรัฐฯสัปดาห์หน้ามีอยู่ด้วยกัน 3 แผน ประกอบด้วย
1.) การนำเข้าก๊าซธรรมชาติปีละ 1 ล้านตัน มูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2569 จากฮูสตัน รัฐเท็กซัส ภาคใต้ของสหรัฐฯ โดยล็อตแรกจะเซ็นสัญญาสัมปทานระยะ 15 ปี (15 ปี รวม 15 ล้านตัน) โดยเป็นส่วนที่ใกล้จะหมดสัญญาซื้อขายจากแหล่งอื่น ๆ ซึ่งในส่วนนี้ไทยจะพิจารณานำเข้าจากสหรัฐฯ
ขณะที่ ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณนำเข้าก๊าซ LNG ค่อนข้างมาก เฉลี่ยปีละกว่า 10 ล้านตัน ซึ่งเป็นการจัดหาจากหลายแหล่ง เช่น ตะวันออกกลาง โดยในระยะยาวประเทศไทยยังมีความต้องการใช้และต้องการนำเข้าเพิ่มอีก ดังนั้นเป็นโอกาสดีที่จะมาพิจารณาการนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มเติม เชื่อว่าปตท.จะเป็นผู้นำในการจัดหาก๊าซ LNG ในระยะยาวของประเทศไทยได้
ทั้งนี้ มองว่าสหรัฐฯ เป็นผู้ผลิตหลักของโลก ได้มีการลงทุนเพื่อเตรียมพร้อมในการส่งออกอยู่แล้ว คาดว่าจะมีข้อดีในแง่ของต้นทุนราคาเฉลี่ยที่สามารถแข่งขันได้
โดยอนาคตข้างหน้าประเทศไทยวางแผนว่าหากมีการนำเข้าก๊าซ LNG จำนวนมาก และเมื่อเพียงพอใช้ภายในประเทศแล้ว อาจนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายต่อให้กับประเทศในภูมิภาคใกล้เคียงได้ เนื่องจาก PTT มีพื้นที่จัดเก็บจำนวนมาก และพร้อมที่จะนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายต่อได้ เชื่อมั่นว่าก๊าซธรรมชาติจะยังเป็นเชื้อเพลิงหลักของโลกต่อไปอีก 30 ปีข้างหน้า ดังนั้นจึงมองว่าไทยจะสามารถดำเนินการนำเข้าก๊าซ LNG จากสหรัฐฯ เพิ่มเติมได้
2.) แผนระยะ 5 ปีข้างหน้า โดยเตรียมทำสัญญาซื้อขายปิโตรเคมี (อีเทน) ช่วง 4 ปีข้างหน้า จำนวน 4 แสนตัน มูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ จะใช้โอกาสนี้เจรจากับสหรัฐฯ หากเจรจาสำเร็จจะให้ PTT ไปดูในรายละเอียดต่อไป
“ผมจะไปหารือถึงแผนการที่ไทยจะนำเข้าก๊าซอีเทนจากสหรัฐฯ ปริมาณ 4 แสนตัน มูลค่า 100 ล้านเหรียญฯ ในระยะเวลา 4 ปี ถือเป็นการซื้อขายระยะยาว ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นความจำเป็นสำหรับประเทศไทย เนื่องจากก๊าซอีเทนเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตปิโตรเคมี และถือเป็นต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าการใช้น้ำมันดิบ ที่แม้ปัจจุบันจะสามารถผลิตได้ในอ่าวไทย แต่ก็ไม่ค่อยเพียงพอแล้ว” นายพิชัย กล่าว
3.) รัฐบาลมีแผนให้ PTT เป็นผู้ซื้อและผู้ขายก๊าซธรรมชาติ ต้องลงทุนสร้างที่เก็บก๊าซธรรมชาติในไทยเพื่อรองรับการใช้ในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาค ทั้งนี้หากการเจรจาเป็นไปตามแผนจะทำให้สหรัฐฯ ได้ดุลการค้าไทยเพิ่มราว 600 ล้านเหรียญสหรัฐ
“การจัดซื้อของ PTT จะโยนเข้าพูลก๊าซ ซึ่งการซื้อแบ่งเป็นการซื้อเป็นเทอมและการซื้อเป็นสปอต เขาต้องปรึกษากระทรวงพลังงานตามขั้นตอนอยู่แล้ว ส่วนเรื่องปิโตรเคมี ทางบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เขาดูรายละเอียดอยู่” นายพิชัย กล่าว
นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินว่า ราคานำเข้า LNG จากสหรัฐอเมริกา จะอยู่ที่ 8-9 เหรียญต่อล้านบีทียู ต่ำกว่าราคา SPOT ที่อยู่ประมาณ 13-15 เหรียญต่อล้านบีทียู ซึ่งจะมีผลให้ราคาเฉลี่ย Pool Gas ลดลงด้วย
ทั้งนี้ จะส่งผลให้ต้นทุนก๊าซฯ ลดลง ที่เป็นต้นทุนสำคัญของโรงไฟฟ้า นำไปสู่การปรับตัวลดลงของค่าไฟฟ้าในอนาคต ทั้งนี้คาดว่าการนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านตัน เนื่องจากประเทศไทยต้องการลดผลกระทบจากกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกา ส่วนการนำเข้าอีเทนยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการเตรียมความพร้อมเพื่อนำเข้า
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรณีหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นวานนี้ 16 เม.ย. คาดว่ามีปัจจัยหนุนจากต้นทุน LNG นําเข้าปรับตัวลงประมาณ 10% ลงมาอยู่ใกล้เคียงกับสมมติฐานของบริษัท
ขณะที่ ค่าเงินบาทแข็งมาที่ 33.3 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าส่งผลกระทบให้ราคา Pool Gas โดยรวมปรับตัวลดลง โดยทุก ๆ 10 บาทต่อล้านบีทียู จะทำให้กำไรของบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เพิ่มขึ้นประมาณ 5%
ขณะที่ ผลตอบแทนพันธบัตร (bond yield) ไทยปรับตัวลดลง ส่งผลบวกเชิง valuation โดยคงมุมมองเป็นกลางสําหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าให้บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ราคาเป้าหมาย 61 บาท GPSC ราคาเป้าหมาย 41.50 บาท และ BGRIM ราคาเป้าหมาย 15 บาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีปรับเพิ่มขึ้น นำโดย บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC มองว่ากลุ่มปิโตรเคมีได้ประโยชน์ช่วงสั้นจากการเร่งเติมสินค้าใหม่ หรือ restocking สินค้าปลายทางหลังประธานาธิบดีทรัมป์เลื่อนการขึ้นภาษีออกไป 90 วัน ส่งผลให้ส่วนต่างราคาปรับเพิ่ม 20-30% หลังราคาน้ำมันปรับลดลงแรง ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกประเภท PE, โพลีโพรพิลีน (PP) และพลาสติกประเภท PET
นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาดีกว่าตลาดคาด ส่งผลบวกต่อบรรยากาศการซื้อขายหุ้นช่วงสั้น แม้ภาวะอุปทานล้นตลาดจะดำเนินต่อในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ยังคงแนะนำ IVL เนื่องจากมีฐานการผลิตกระจายทั่วโลก น่าจะได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีของสหรัฐฯ น้อยที่สุด