CHAO พุ่ง 16% หลัง TKN โผล่ผู้ถือหุ้นใหญ่ 4.7626% ขึ้นแท่นอันดับ 3

CHAO บวก 16% รับข่าว TKN เข้าซื้อหุ้นจำนวน 177,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.0590% ส่งผลให้ถือหุ้นรวม 14.28 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.7626% จากเดิมถือ 14.11 ล้านหุ้น ดันขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 โบรกมองบวกเสริมแกร่งธุรกิจระหว่างบริษัท


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (17 เม.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO ณ เวลา 10:41 น. อยู่ที่ระดับ 5.30 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 16.30% สูงสุดที่ระดับ 5.85 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.94 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 27.00 ล้านบาท

โดยวานนี้ 16 เม.ย. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รายงานผ่านแบบ  246-2 ว่า บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN รายงานการได้มาของหุ้น CHAO เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 68 จำนวน 177,000 หุ้น สัดส่วน 0.0590% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดในกิจการ โดยทำรายการผ่าน บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จํากัด (มหาชน)

ทั้งนี้ ภายหลังจาก บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง เข้าซื้อหุ้น CHAO ส่งผลให้ถือหุ้นรวมทั้งหมด 14,287,900 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.7626% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท จากเดิมถือจำนวน 14,110,900 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.7036% คาดขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ของบริษัท

ในวันเดียวกัน CHAO ได้แจ้งผ่าน ตลท. ว่ามีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ หลังจากทางผู้ถือหุ้น SAGAR CAPITAL PTE. LTD ได้เทขายหุ้นออกมาทั้งหมดให้แก่ LGT BANK (SINGAPORE) LTD2 จำนวน 16,000,000 คิดเป็นสัดส่วน 5.33% และขายให้ TKN จำนวน 13,128,100 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.38% ส่งผลให้ SAGAR CAPITAL PTE. LTD ไม่เหลือสัดส่วนการถือหุ้นใน CHAO ต่อไป

ภายหลังการปรับโครงสร้างครั้งนี้ ส่งผลให้ลำดับผู้ถือหุ้น 3 อันดับแรก เปล่ยนแปลงไปดังต่อไปนี้ อันดับ 1.) บริษัท เจ้าสัว กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 136,800,000 สัดส่วน 45.60%, 2.) LGT BANK (SINGAPORE) LTD2 จำนวน 16,000,000 คิดเป็นสัดส่วน 5.33% และ 3.) TKN จำนวน 13,128,100 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.38% ตามลำดับ ส่วนอันดับถัดไปดูจากตารางประกอบ

บล.กสิกรไทย ระบุว่าการที่ TKN เข้ามาถือหุ้น CHAO ที่ระดับ 5% มองว่ามีโอกาสที่ทั้ง TKN และ CHAO จะมีการเสริมศักยภาพของธุรกิจซึ่งกันและกัน เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทแม้ว่าจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจขนมขบเคี้ยวเหมือนกัน แต่ประเภทของสินค้าและจุดเด่นของแต่ละแบรนด์แตกต่างกัน จึงอาจจะมีการทำธุรกิจที่เสริมศักยภาพซึ่งกันและกันได้ หรืออาจออกสินค้าใหม่ที่มีการพัฒนาร่วมกัน เหมือนกับเมื่อครั้งที่ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เข้าถือหุ้น TKN สัดส่วน 10% ก็มีการผลิตและจัดจำหน่ายป๊อปคอร์นร่วมกัน

ขณะที่ทั้ง CHAO และ TKN มีโรงงานผลิตของตนเอง อาจเสริมกันได้ในด้านการผลิตในอนาคตด้วย รวมถึงช่องทางการการขาย และการทำการตลาดร่วมกัน มองว่าทั้ง CHAO และ TKN จะได้รับประโยชน์ร่วมกันในดีลครั้งนี้ รวมถึงการใช้เครือข่ายของ TKN ในการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติม ทั้งประเทศเดิมที่มีทำตลาดอยู่แล้ว และในประเทศใหม่ที่ CHAO ไม่ได้เข้าไปทำตลาดมาก่อนหน้านี้

Back to top button