
HMPRO-GLOBAL ร่วง! โบรกชี้กำไร Q1 อ่อนตัว เซ่นดีมานด์ซบเซา
ราคาหุ้น HMPRO-GLOBAL ปรับตัวลง ฟากโบรกคาดกำไร HMPRO ไตรมาสแรกลดเล็กน้อยจากดีมานด์ซบเซา แต่ยังมองพื้นฐานแข็งแกร่ง ด้าน GLOBAL ถูกหั่นเป้ากำไรและราคาหุ้น หลังยอดขายสาขาเดิมฟื้นช้าสุดในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 เม.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ณ เวลา 12:08 น. อยู่ที่ระดับ 9 บาท ลบ 0.20 บาท หรือ 2.17% สูงสุดที่ระดับ 9.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.95 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 112.55 ล้านบาท
บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL ณ เวลา 12:01 น. อยู่ที่ระดับ 7.05 บาท ลบ 0.10 บาท หรือ 1.40% สูงสุดที่ระดับ 7.15 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19.10 ล้านบาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (KKPS) ประเมินว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 ของ HMPRO จะปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลจากแรงกดดันด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคที่ชะลอตัว การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-tax) และจำนวนวันทำการที่ลดลง ส่งผลต่อยอดขายในภาพรวม อย่างไรก็ดี บริษัทมีมาตรการบริหารต้นทุนที่คาดว่าจะช่วยลดผลกระทบจากรายได้ที่อ่อนตัวลงบางส่วน
ทั้งนี้ แม้แนวโน้มผลประกอบการในระยะสั้นจะเผชิญความท้าทาย KKPS ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับหุ้น HMPRO โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 10.45 บาทต่อหุ้น โดยอ้างอิงจากปัจจัยพื้นฐานที่ยังแข็งแกร่ง ได้แก่ มูลค่าหุ้นในระดับที่น่าสนใจ อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าดึงดูด และโครงการซื้อหุ้นคืนที่สนับสนุนราคาหุ้นในตลาด นอกจากนี้ บริษัทยังเชื่อว่าความต้องการซ่อมแซมและปรับปรุงที่อยู่อาศัยภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ HMPRO มีสาขาจำนวนมาก จะเป็นปัจจัยหนุนยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง
พร้อมคาดว่ายอดขายรวมในไตรมาสนี้จะเติบโตเล็กน้อยที่ 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 18,000 ล้านบาท แม้ว่ายอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะหดตัวเฉลี่ย 2% โดยเฉพาะยอดขายของ HomePro ที่ลดลง 3% ซึ่งสะท้อนถึงภาวะการบริโภคที่ยังซบเซา ความต้องการสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลง และได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมถึงจำนวนวันทำการที่ลดลงในเขตกรุงเทพฯ
ด้านกำไรขั้นต้น คาดว่าจะทรงตัวที่อัตรา 26.2% ทำให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน อย่างไรก็ดี ต้นทุนในการขายและบริหาร (SG&A) ที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาใหม่ คาดว่าจะกดดันกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) ให้ทรงตัวอยู่ที่ 2,300 ล้านบาท โดยมี EBIT margin ลดลงเล็กน้อยจาก 13% ในไตรมาส 1/2567 เหลือ 12.7% ในไตรมาสนี้
สำหรับ GLOBAL ทาง KKPS มองว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ยังคงอ่อนแอ โดยได้รับแรงกดดันจากภาคค้าปลีกที่ยังฟื้นตัวได้ช้า โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าราคาสูงที่เกี่ยวข้องกับวัสดุก่อสร้าง จากการหารือกับบริษัทพบว่า ยอดขายสาขาเดิมยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้ KKPS ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ลงราว 6-7%
ทั้งนี้ จากแนวโน้มดังกล่าว KKPS ปรับลดราคาเป้าหมายหุ้น GLOBAL จาก 10.70 บาท เหลือ 9.50 บาทต่อหุ้น พร้อมคงคำแนะนำ “ถือ” (Neutral) โดยมีมุมมองเชิงระมัดระวังจากการบริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างประเทศ และมูลค่าหุ้นที่ไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มเดียวกัน
โดย KKPS คาดว่ายอดขายค้าปลีกรวมของ GLOBAL ในไตรมาส 1/2568 จะลดลง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากยอดขายสาขาเดิมที่คาดว่าจะหดตัวถึง 8% จากการบริโภคที่ซบเซา โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นสินค้าราคาสูง ส่งผลให้ retail margin ทรงตัวที่ระดับ 25% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 2% จากการขยายสาขาใหม่ ส่งผลให้ SG&A ต่อรายได้สูงขึ้น และทำให้ EBIT หดตัวลง 20% จากปีก่อน โดยมี EBIT margin ลดลงเหลือ 9.2%