
BTG บวก 2% โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 27 บาท ลุ้นกำไร Q1 แตะ 1.76 พันล้าน
BTG บวก 2% โบรกคาดกำไรไตรมาส 1/68 ทะลุ 1.76 พันล้านบาท จากราคาหมู-ไก่สูงและต้นทุนวัตถุดิบลดลง พร้อมขยายตลาดส่งออกและช่องทางจำหน่ายใหม่ โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน (24 เม.ย.68) บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ราคาอยู่ที่ระดับ 21.90 บาท บวก 0.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.34% สูงสุดที่ระดับ 22.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 21.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 121.43 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ของ BTG อาจสูงถึง 1.76 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% จากไตรมาสก่อนหน้า, พลิกจากที่เคยขาดทุนในไตรมาส 1/67) สูงกว่าที่เคยขาดอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้ปัจจัยผลักดันจากทั้งราคาหมูและไก่ที่สูงขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบลดลง
นอกจากนี้ BTG ยังได้ขยายตลาดส่งออกไก่และเพิ่มส่วนแบ่งในช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีอัตรากำไรสูง อาทิ เช่น บริการอาหาร คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 1/68 จะสูงขึ้นเป็น 17.2% ซึ่งสูงกว่าที่ เคยคาดไว้ที่ 15% และสูงกว่าประมาณการของบริษัทฯ ถ้าตัวเลขออกมาตามคาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ระดับสูงที่สุดใน 9 ไตรมาส
สำหรับราคาสุกรไทยยังคงอยู่ในระดับที่ดี โดยปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 86 บาทต่อกิโลกรัมในเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 7.5% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากอุปทานที่ตึงตัวจากปัญหาโรคระบาดในสัตว์และสภาพอากาศที่ร้อนจัด
แม้ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายสุกรลดลงในบางช่วง แต่อัตราราคาที่ปรับสูงขึ้นน่าจะสามารถชดเชยผลกระทบจากปริมาณที่ลดลงได้บางส่วน
ในด้านการส่งออก ธุรกิจไก่กำลังเร่งตัวดี โดย BTG ได้รับคำสั่งซื้อแล้วสำหรับการส่งออกในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทางรายได้
โดยคาดว่า กำไรในไตรมาส 2/68 จะยังอยู่ในระดับที่ดี โดยมีแนวโน้มทรงตัวหรือปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า แรงหนุนจากฝั่งอุปสงค์จะสามารถรักษาระดับราคาของเนื้อสัตว์ให้อยู่ในระดับสูงได้ต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 68 หรือไม่ ขณะที่อุปทานใหม่เริ่มทยอยเข้าสู่ตลาด
BTG มีแนวโน้มสูงที่จะปรับเป้าหมายการเติบโตในปี 68 ให้สูงขึ้น จากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นในไตรมาส 1/68 ที่ออกมาดีกว่าคาด โดยปัจจุบันบริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้รวมอยู่ที่ 3-7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่คาดว่ารายได้ในไตรมาส 1/68 จะเติบโตถึง 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ในด้านความสามารถในการทำกำไร บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 13.5-15% โดยประมาณการเบื้องต้นในไตรมาส 1/2568 แสดงอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึง 17.20% ซึ่งสะท้อนประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น
จากข้อมูลข้างต้น ประมาณการกำไรสุทธิของเราสำหรับปี 68 จึงมีโอกาสปรับขึ้น โดยปัจจุบันประเมินไว้ที่ 3.99 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ภายใต้สมมติฐานว่าราคาสุกรไทยจะอยู่ที่ 75 บาท/กิโลกรัม และราคาไก่ที่ 40 บาท/กิโลกรัม
ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และเลือก BTG เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธุรกิจเนื้อสัตว์ ยังคงราคาเป้าหมายของ BTG ไว้ที่ 27 บาทต่อหุ้น (อิง P/E ที่ 13 เท่า) โดยยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไรของบริษัท สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มที่สดใส โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก ราคาจำหน่ายเนื้อสัตว์ที่อยู่ในระดับดี ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และช่องทางการจัดจำหน่ายที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
โดยคาดว่า BTG จะรายงานอัตราการเติบโตของกำไรสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจเนื้อสัตว์ในปี 68 สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและความสามารถในการสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น ปัจจุบันหุ้น BTG มีการซื้อขายอยู่ที่ P/E ปี 68 เพียง 10 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ