MTLS ควงแขนบล.ธนชาต โรดโชว์นักลงทุนมาเลเซีย เล็งปล่อยสินเชื่อไม่ต่ำกว่า 50%
MTLS ควงแขน บล.ธนชาต เดินสายโรดโชว์ นักลงทุนสถาบัน-กองทุนที่มาเลเซีย 25 ก.พ.นี้ มั่นใจได้รับการตอบรับที่ดี คาดอีก 2 ปีข้างหน้า (59-60) ยอดปล่อยสินเชื่อโตไม่ต่ำกว่า 50% ดันรายได้-กำไรทับสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 450 สาขาปีนี้ และปีหน้าอีก 400 สาขา
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเดินทางไปให้ข้อมูลพื้นฐานธุรกิจแก่นักลงทุนสถาบัน และบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำในประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันเป็นอย่างดี เนื่องจากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดยอดปล่อยสินเชื่อในปี 2558 ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 62% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อเติบโตกว่า 70% ขณะที่มีกำไรสุทธิกว่า 825 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.62% เทียบปีก่อน
ขณะเดียวกันในช่วง 2 ปีข้างหน้า (2559-2560) คาดว่ายอดปล่อยสินเชื่อจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% ต่อปี ผลักดันให้รายได้และกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ภายใต้ยุทธศาสตร์ “ขยายตัวทั่วไทย” ผ่านการเปิดสาขาในต่างจังหวัดเพิ่ม โดยในปีนี้มีแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 450 สาขา และปี 2560 เปิดเพิ่มอีก 400 สาขา รวมเป็น 1,750 สาขาทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าในต่างจังหวัดที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อจากสถาบันการเงินในระบบ และยังต้องพึ่งพิงสินเชื่อนอกระบบที่คิดอัตราดอกเบี้ยในสัดส่วนที่สูงมาก
โดยในช่วงที่ผ่านมาเรามีการเดินสายไปให้ข้อมูลนักลงทุนนักลงทุนทั้งในเอเชีย และยุโรปต่อเนื่อง เพื่ออัพเดทข้อมูลให้นักลงทุนสถาบัน กองทุน ได้รับรู้ ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ เบอร์หนึ่งของเมืองไทย และล่าสุด สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา บมจ. เมืองไทย ลิสซิ่ง ก็กลายเป็นผู้นำตลาด ครองส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) อันดับหนึ่งของเมืองไทย ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในทิศทางธุรกิจ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันหลายราย ได้มีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนมากขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการป้องกันปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ปัญหาภัยแล้ง ส่งผลกระทบกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า แต่ด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจที่มีมาอย่างยาวนาน และมีกระบวนการติดตามหนี้ผ่าน MTL Model ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกหนี้และติดตามลูกหนี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เอ็นพีแอลของบริษัทอยู่ในระดับต่ำ แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว โดยในปีนี้ตั้งเป้าควบคุมเอ็นพีแอลไม่ให้เกิน 1.5% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่เอ็นพีแอลเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5%