ดาวโจนส์ปิดบวกรับราคาน้ำมันฟื้นตัว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยการฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (24 ก.พ.)ที่ 16,484.99 จุด เพิ่มขึ้น 53.21 จุด หรือ +0.32% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,542.61 จุด เพิ่มขึ้น 39.02 จุด หรือ +0.87% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,929.80 จุด เพิ่มขึ้น 8.53 จุด หรือ +0.44%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงหลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตราคาพลังงาน หลังจากซาอุดิอาระเบียออกมาส่งสัญญาณว่ายังไม่มีแผนปรับลดกำลังการผลิต ประกอบกับสำนักงานพลังงานสากลเปิดเผยรายงานคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะยังคงเคลื่อนไหวในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กเริ่มดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา และปิดตลาดในแดนบวก หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวขึ้น อันเนื่องมาจากรายงานล่าสุดของ EIA ที่ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ก.พ. ปรับตัวลง 33,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.1 ล้านบาร์เรล/วัน
การฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 23% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 7 ปี ขณะที่หุ้นวาเลโร เอนเนอร์จี ปรับขึ้น 4.6% และหุ้นเทโซโร คอร์ป พุ่งขึ้นกว่า 4.5% แต่หุ้นทรานส์โอเชียนร่วงลง 4% หลังจากบริษัทเอสโซ่ เอ็กซ์พลอเรชัน แองโกลา ลิมิเต็ด ได้ประกาศยุติสัญญาการขุดเจาะน้ำมันกับทรานส์โอเชียนก่อนกำหนด ด้านหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวขึ้น 1.34% และหุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.49%
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยมาร์กิต อีโคโนมิคส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นสำหรับภาคบริการของสหรัฐ ชะลอตัวสู่ระดับ 49.8 ในเดือนก.พ. ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลง 9.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 494,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2015
ทั้งนี้ ข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแรงลงของสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงด้วย โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 5.4% หุ้นริโอ ทินโต ดิ่งลง 3.6%, หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 2.74% และหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (GM) ดิ่งลง 1.84% หลังจากเครดิต สวิส ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นฟอร์ดและจีเอ็ม
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้ สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการจีดีพีครั้งที่ 2 ประจำไตรมาส 4/2558, ข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน