ดอลล์อ่อนค่าหลังสหรัฐฯเผยข้อมูลเศรษฐกิจซบเซา
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตที่หดตัวลงครั้งแรกในรอบ 2 ปี ขณะที่ยูโรอ่อนแรงลงหลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจเยอรมนี
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโร (24 ก.พ.) อ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1013 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1014 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงสู่ระดับ 1.3922 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4022 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 111.77 เยน จาก 112.00 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9884 ฟรังก์ จาก 0.9920 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7203 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7214 ดอลลาร์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเศราฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ โดยมาร์กิต อีโคโนมิคส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นสำหรับภาคบริการของสหรัฐ ชะลอตัวสู่ระดับ 49.8 ในเดือนก.พ. ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลง 9.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 494,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2015
ส่วนสกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจเยอรมนี โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ขยายตัวเพียง 0.3% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการเบื้องต้น
ขณะที่สถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ผู้บริหารภาคธุรกิจของเยอรมนีมีความเชื่อมั่นลดลงในเดือนก.พ.เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้ Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจปรับตัวลงสู่ระดับ 105.7 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2014 หลังแตะ 107.3 ในเดือนม.ค.
ส่วนเงินปอนด์ยังคงอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนวิตกมากยิ่งขึ้นว่าอังกฤษอาจจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งส่งผลให้เงินปอนด์ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีที่ 1.3876 ดอลลาร์สหรัฐ ในระหว่างวัน
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้ สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการจีดีพีครั้งที่ 2 ประจำไตรมาส 4/2558, ข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน