THAI ดัน Cabin Factor ปี 59 เพิ่มเป็น 80%-ตั้งงบลดพนักงาน 2 พันลบ.
THAI ดัน Cabin Factor ปี 59 เพิ่มเป็น 80%-เปิดจุดบินเพิ่มในอาเซียน 3-4 จุด,ตั้งงบลดพนักงาน 2 พันลบ. เผยยังมีเครื่องบินรอขาย 10 ลำ รวมถึงสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้จากการขายตั๋วโดยสาร 1.86 แสนล้านบาท จาก 1.48 แสนล้านบาทในปี 57 โดยคาดว่าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาที่ 80% จาก 72.9% ในปี 58 และ 68.9% ในปี 57
โดยในปีนี้การบินไทยจะเพิ่มรายได้ด้วยการขยายจำนวนผู้โดยสาร จากปีก่อนสายการบินไทยและสายการบินไทยสมายล์มีจำนวนผู้โดยสารรวม21.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 57 ที่มีจำนวนผู้โดยสารรวม 19.1 ล้านคน
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนเปิดจุดบินใหม่ในอาเซียน 3-4 จุด ซึ่งเป็นเส้นทางที่ได้หารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวของไทยและเตรียมกลับมาบินที่มอสโคว์ ประเทศรัสเซีย ในตารางการบินฤดูหนาว ที่จะเริ่มเดือนต.ค.59 รวมทั้งจะเพิ่มเส้นทางจุดบินที่จีน ที่จะใช้ทั้งสายการบินไทยและสายการบินไทยสมายล์ โดยจะใช้เครื่องบินที่มีอยู่เพื่อให้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนในปี 60 การบินไทยมีแผนจะเปิดจุดบินในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ใช่เมืองลอสแองเจลิสที่เคยยกเลิกเส้นทางบินไปก่อนหน้านี้ โดยการเปิดจุดบินใหม่ดังกล่าวขึ้นกับสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) จะปลดล็อกเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศของไทยเมื่อใด หลังจากที่ให้ไทยยังต้องปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน
ขณะเดียวกันการบินไทยก็จะต้องลดค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) อนุมัติ
อีกทั้ง ปีนี้บริษัทได้วางงบประมาณสำหรับโครงการร่วมใจจากองค์กร(MSP) จำนวน 2,000 ล้านบาท จากปีก่อนใช้งบประมาณ 5,500 ล้านบาท ที่มีโครงการ MSP สำหรับพนักงานทั่วไปและโครงการ Golden Handshake สำหรับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เพื่อบริหารอัตรากำลังที่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดเที่ยวบินและเส้นทางบิน ซึ่งจะส่งผลการปรับปรุงโครงสร้างต้นทุนบุคคลากรและลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 1,401 คนซึ่งมีผลแล้วในปี 58 จำนวน 1,277 คน
ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทจะปรับปรุงโครงสร้างองค์กรให้มีประสิทธิภาพการทำงานทั้ง 5 หน่วยงานคือครัวการบิน , บริการภาคพื้นและลานจอด ,บริการผู้โดยสาร ,ซ่อมบำรุง และคลังสินค้า(cargo)เพื่อให้มีมาตรฐานการทำงานเทียบกับเครื่องบินบริษัทคู่แข่งหรือในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ส่วนการรับมอบเครื่องบินนั้น ตามแผนเดิมของบริษัทจะต้องรับมอบเครื่องบินใหม่ 14 ลำ คือในกลางปีนี้รับมอบ 2 ลำ เป็น แอร์บัส A350 และในปี 60 รับมอบ 7 ลำเป็นแอร์บัส A350 จำนวน 5 ลำ และโบอิ้ง B787 จำนวน 2 ลำ และในปี 61 รับมอบอีก 5 ลำ เป็นแอร์บัสA350 ทั้งหมด อย่างไรก็ดีขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการทบทวนแผนรับมอบเครื่องบินดังกล่าว โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทผู้ผลิต เพราะบริษัทยังไม่ต้องการลงทุนเพิ่ม
ด้านนายณรงค์ชัย ว่องธนะวิโมกข์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงินและการบัญชี ของ THAI กล่าวว่า องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (IATA) ประเมินว่าการแข่งขันธุรกิจการบินในปีนี้จะแข่งขันกันอย่างมาก มีการตัดราคาต่อเนื่อง ทำให้คาดว่ากำไรต่อหน่วย (yield)ลดลง 5-8% ส่วนการบินไทยในปีที่แล้ว yield ก็ลดลง 7% เทียบกับปี 57 เพราะราคาน้ำมันลดลง จึงไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมัน(Fuel Surcharge) และมีการแข่งขันสูง
ส่วนการตั้งลดค่าใช้จ่ายปีนี้คาดว่าไม่ถึง 10% จากปีก่อนที่ลดค่าใช้จ่าย 10% คิดเป็นเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยปีนี้ลดค่าใช้จ่ายยากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีเครื่องบินรอขาย 10 ลำ รวมถึงสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ