น้ำมันดิบปิดบวกหลัง EIA เผยการผลิตสหรัฐฯลดลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิด (2 มี.ค.) บวก 26 เซนต์ หรือ 0.8% แตะที่ 34.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดบวก 12 เซนต์ หรือ 0.3% แตะที่ 36.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของ EIA ที่ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง 25,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.077 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ซาอุดิอาระเบียได้ปรับเพิ่มราคาน้ำมันสำหรับส่งออกให้กับประเทศในเอเชียและยุโรป โดยเอเชียยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับประเทศผู้ผลิตน้ำมันในกลุ่มอ่าวอาหรับ
อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดได้ถูกสกัดลงในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อรายงานสต็อกน้ำมันของสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 10.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 518 ล้านบาร์เรล โดยทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.6 ล้านบาร์เรล
สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล