บล.โกลเบล็ก ชี้ QE หนุน SET ทดสอบ 1,365-1,370 จุด แนะเก็บ 5 หุ้นปันผลแจ่ม

บล.โกลเบล็ก ชี้ QE หนุน SET เด้งทดสอบ 1,365-1,370 จุด แนะเก็บกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น รวมไปถึงกลุ่มที่มีปันผลสูง


น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากตลาดต่างประเทศโดย ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ใช้มาตรการ QE เพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 10 มีนาคม หลังจากอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนเดือนกุมภาพันธ์หดตัว 0.2% และกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% – 0.50% ในการประชุมวันที่ 15-16 มีนาคมนี้ อีกทั้งราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากรัสเซียใกล้บรรลุข้อตกลงกับกลุ่มโอเปกในการจำกัดการผลิตน้ำมัน

ประกอบกับธนาคารกลางจีนลดสัดส่วนการกันสำรอง (RRR) ลง 0.5% เหลือ 17% ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอีกครั้ง

อย่างไรตาม ปัจจัยที่ยังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยก็ยังคงมีต่อเนื่องโดยเฉพาะการส่งออกที่ติดลบ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมปรับลดเป้า GDP หลังจากเศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคมมีทิศทางแผ่วลง ทำให้การส่งออกติดลบ 9.3% และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตของจีน ในเดือนกุมภาพันธ์ก็ปรับตัวลงแตะ 49 จุด หดตัวลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน  ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงสู่ระดับ 51.2 จาก 52.4 ในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มการเติบโตของภาคบริการจีนได้ชะลอความแรงลง

ด้านนายชัยยศ จิวางกูรผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงมีน้ำหนักเชิงบวกตามราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น หลังจากรัสเซียใกล้บรรลุการเจรจากับกลุ่มโอเปกในการควบคุมกำลังการผลิตน้ำมัน รวมถึงการคาดการณ์ว่า ECB จะใช้ QE เพิ่มเติมในการประชุม 10 มีนาคมนี้ ดังนั้นคาดว่า SETจะปรับตัวขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้าน 1,370-1,380 จุด

ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุน Selective Buyแนะนำ AOT ที่ได้ประโยชน์จากแผนขยายดอนเมืองเฟส 3 กว่า 1 หมื่นล้าน รองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะเสนอคณะกรรมการบริษัท 23 มีนาคมที่จะถึงนี้ และแนะกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น รวมไปถึงกลุ่มที่มีปันผลสูง แนะนำ INTUCH-ADVANC-KTB-KKP-TISCO

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มย่อตัวลงหลังสหรัฐรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากรายงานตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550 บวกกับรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐมีการปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนกุมภาพันธ์ มาที่ระดับ 49.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2558

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังรัสเซียระบุว่าใกล้มีการบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในการจำกัดการผลิตน้ำมันขณะที่รัสเซียเผยจะไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในปีนี้เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน พร้อมทั้งธนาคารกลางจีนปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์(RRR)ลง 0.5% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงินและกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศทำให้นักลงทุนย้ายการลงทุนจากทองคำมาที่ตลาดหุ้น

ส่วนการรายงานอัตราเงินเฟ้อระยะยาวของสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นสองเท่าในเดือนมกราคม สู่ระดับ 1.3% ซึ่งขยับเข้าใกล้เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ของเฟด รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง ทำให้มีกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยเฟดจะมีการประชุมอีกครั้งช่วงวันที่ 15-16 มีนาคมนี้รวมถึงยูโรสแตทรายงานอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนอยู่ที่ระดับ -0.2% ในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้มีการคาดการณ์ว่าECBจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการประชุมนโยบายในวันที่10 มีนาคม ซึ่งจะมีผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยลบต่อทองคำ

ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกด้านเทคนิคว่าราคาทองยังอยู่ในช่วงพักฐานออกข้าง แต่เริ่มมีแรงกดดันการพักตัวลงเกิดขึ้นหลังราคาไม่สามารถผ่านยืนแนวต้านจุดสูงเดิมเพื่อสร้างแนวขึ้นรอบใหม่ ขณะที่ราคาเริ่มปรับลงมาต่ำกว่าแนวรับเส้น 5 วันอีกครั้ง ด้วยแนวเรียงตัวแท่งเทียนที่เป็นลบมากขึ้น บวกค่าสัญญาณ RSI เริ่มปรับลงจากสัญญาณ BEARISH DIVERGENCE ทำให้ราคามีโอกาสปรับลงรอบใหม่โดยให้แนวรับ 1,190-1,185 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน1,260-1,265 เหรียญต่อทรอยออนซ์

Back to top button