SAPPE มั่นใจปีนี้กำไรดีกว่าปีก่อนจาก คาดยอดขายโต 15%
SAPPE มั่นใจปีนี้กำไรดีกว่าปีก่อนจาก คาดยอดขายโต 15%
นายเมธี จารุมณีโรจน์ ประธานกรรมการบริหารขายและการตลาด บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายปีนี้เติบโตราว 15% จากปีก่อนทำได้ 2.55 พันล้านบาท และกำไรสุทธิก็น่าจะมากกว่าปีก่อน จากปีก่อนอยู่ที่ 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามรายได้ที่เติบโต โดยปีนี้บริษัทยังคงเน้นการสร้างยอดขายใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก คือ เครื่องดื่ม SAPPE บิวติดริ้งค์, กาแฟสำเร็จรูปเพรียว (Preaw Coffee) และ เซ็ปเป้ อโลเวร่า รวมถึงโมกุ โมกุ ในตลาดต่างประเทศด้วย
ทั้งนี้ ในปี 59 บริษัทฯมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ราว 20 รายการ เท่ากันกับปีที่ผ่านมา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะสูตรของผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนรายได้ในประเทศ 40% และต่างประเทศ 60% ซึ่งเป็นการส่งออกไปยังตลาดเอเชียเป็นหลัก โดยยังเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ในปี 60-61 บริษัทฯตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 65% โดยมีความสนใจนำสินค้าขายผ่านตัวแทนจำหน่ายในประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจอย่างมาก และนอกจากนั้นยังมองไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างการเจรจาในการทำสัญญาการตลาดกับคู่ค้าในประเทศจีน คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
สำหรับงบลงทุนด้านการตลาดและการส่งเสริมการขาย จุดขายต่างๆ ตั้งไว้ 17% ของยอดขายรวม เพื่อสร้างลักษณะสินค้าให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่ายขึ้น และสร้างการสื่อสารผ่านแบรนด์ ให้ผู้บริโภคจดจำสินค้ามากขึ้น ขณะที่งบการลงทุนขนาดใหญ่ บริษัทฯได้มีการลงทุนในเรื่องการย้ายโรงงานจากนิคมอุตสาหกรรมบางชัน มายังคลอง 13 เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ปีนี้จึงไม่มีการลงทุนดังกล่าวอีก ปัจจุบัน มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.3 แสนตัน/ปี และมีการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 80%
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทคาดว่าน่าจะมีแนวโน้มดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากที่ตลาดยังมีความต้องการซื้อสินค้าในแบรนด์ของบริษัทอยู่ และมีการทำการตลาดในแง่ของจุดขายทำให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น
นายเมธี กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าของการเข้าซื้อกิจการ M&A บริษัทยังคงอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ที่จะเข้ามาต่อยอดทั้งยอดขายและกำไรให้เติบโตได้ในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดดังกล่าวได้