LST คาดรายได้ปี 59 โต 5-8% อัตรากำไรดีขึ้น เน้นสินค้ากลุ่มเนย-บุก AEC
LST คาดรายได้ปี 59 โต 5-8% อัตรากำไรดีขึ้น เน้นสินค้ากลุ่มเนย-บุก AEC
นางสาวอัญชลี สืบจันทศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ LST เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 59 นี้จะเติบโตประมาณ 5-8 % จากปี 58 ที่ทำได้ราว 6,329 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น เพราะในปีที่ผ่านมา ได้ใช้งบลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อขยายไลน์การผลิตใหม่ ลงทุนในเครื่องเป่าขวด และปรับปรุงไลน์การผลิตเดิม โดยจะเริ่มเห็นผลในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตของโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 45 ตันต่อชั่วโมง มีกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 1,000 ตันต่อวัน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเน้นการจำหน่ายสินค้ากลุ่มเนยสำหรับช่องทางเบเกอรี่ที่ มีการเติบโตที่ดี โดยจะว่าจ้างผลิตเพื่อประเมินการตอบรับของตลาดก่อนพิจารณาลงทุนในเครื่อง จักรใหม่ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ในช่องทางเบเกอรี่อีก 5-10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10%
สำหรับการทำธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทจะเดินหน้าทำตลาดในประเทศเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เพื่อรองกับการเปิดตลาด AEC โดยได้นำน้ำมันปาล์ม “หยก” และน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน “เนเชอเรล” เข้าไปจำหน่าย คาดว่าจะช่วยให้ยอดขายต่างประเทศเติบโตขึ้น จากปัจจุบันที่มีรายได้ประมาณ 5%
นางสาวอัญชี กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยในงวดปี 2558 มีรายได้รวม 8,291 ล้านบาท ลดลง 2.85% จากปีก่อนที่มีรายได้ 8,534 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 311.42 ล้านบาท ลดลง 18.19% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 380.67 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากเงินปันผลรับจากบริษัทย่อยลดลง และปริมาณการขายลดลงเล็กน้อย
เนื่องจากในปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มโดยรวมของประเทศไม่ขยายตัว โดยมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคประมาณ 1 ล้านตัน และมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อผลิตไบโอดีเซล 8 แสนตันเศษ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ภาวะชะงักงันของอุตสาหกรรมดังกล่าว เกิดขึ้นใน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ ช่องทางอุตสาหกรรมและค้าปลีก สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มลดลง
ขณะที่อุปทานการผลิตมีอยู่มากจนล้นตลาด โดยสิ้นปี2558 สต็อคน้ำมันปาล์มโดยรวมทั้งประเทศอยู่ที่ 3.34 แสนตัน เนื่องจากในปีที่ผ่านมาผู้ผลิตไม่สามารถส่งออกน้ำมัน ปาล์มดิบได้ จากปีก่อนหน้าที่ส่งออกไป 1.67 แสนตัน เพราะราคาต่างประเทศถูกกว่าในประเทศ