น้ำมันดิบปิดพุ่งรับสต็อกสหรัฐฯเพิ่มน้อยกว่าคาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิด (16 มี.ค.) พุ่งขึ้น 2.12 ดอลลาร์ หรือ 5.8% แตะที่ระดับ 38.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดบวก 1.59 ดอลลาร์ หรือ 4.1% แตะที่ระดับ 40.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง หลังจาก EIA เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 มี.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 747,000 บาร์เรล ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.พ. โดยได้รับแรงหนุนจากการก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยว ซึ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนก.พ. สู่ระดับ 1.18 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านแตะระดับ 1.15 ล้านยูนิตในเดือนก.พ.
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะขยับขึ้น 0.1% โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในเครื่องจักร และเหล็กกล้า และบ่งชี้ว่าภาคการผลิตอาจฟื้นตัวขึ้น