IEC หั่นเป้ารายได้ปีนี้เหลือโต 1.4 พันลบ.จากเดิมคาด 1.7 พันลบ.
IEC หั่นเป้ารายได้ปีนี้เหลือโต 1.4 พันลบ.จากเดิมคาด 1.7 พันลบ.
นายภูษณ ปรีย์มาโนช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC เปิดเผยว่า การร่วมลงทุนในโครงการ INTEGRATED GAS HUB ในการผลิต CBG ร่วมกับบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ของภาครัฐ กำลังการผลิต CBG 250,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ที่จังหวัดอ่างทอง มูลค่าโครงการกว่า 4 พันล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้ จากเดิมไตรมาส 2/59
ส่วนการลงทุนธุรกิจพลังงานในกัมพูชานั้น บริษัทได้ยกเลิกแผนการลงทุนไปแล้ว เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนสูงมาก ทำให้บริษัทมองว่าอาจไม่คุ้มค่าในการลงทุน
ส่วนความคืบหน้าในการซื้อหุ้นของบริษัท จีเดค จำกัด คืนจากบมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) จำนวน 50% มูลค่า 200 ล้านบาท รวมไปถึงการขายหุ้นของบริษัท จีเดค จำกัด ในส่วนที่บริษัทซื้อคืนมาให้กับ บมจ.ยูนานวอเตอร์ อินเวสเมนต์ คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยหลังจากนั้น IEC จะเหลือสัดส่วนในการถือหุ้นในจีเดคราว 50%
นายภูษณ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้บริษัทวางงบลงทุนไว้ 1 พันล้านบาท จากเงินลงทุนทั้งโครงการที่ 1.78 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทยังขาดเงินลงทุนในปีนี้อีก 400-500 ล้านบาท โดยจะมาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊สที่จังหวัดสุพรรณบุรี 5-6 เมกะวัตต์ และกาญจนบุรี 3 เมกะวัตต์ จำนวน และใช้เป็นเงินมัดจำบางส่วนในโครงการไบโอแก๊สที่โคกเจริญ
ขณะเดียวกัน บริษัทยังทยอยขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกในโรงงานที่ระยองเพิ่มอีก 6 สายการผลิต ทำให้ในสิ้นปี 59 บริษัทจะมีสายการผลิตเม็ดพลาสติกทั้งสิ้น 12 สายการผลิต กำลังการผลิตรวม 200 ตัน/วัน จากเดิมที่มี 6 สายการผลิต กำลังการผลิต 100 ตัน/วัน และอาจจะมีการลงทุนตั้งสายการผลิตเพิ่มเติมให้กับโรงงานในหาดใหญ่อีก 70 ล้านบาทในกรณีที่มีเงินลงทุนเพียงพอ โดยขณะนี้โรงงานผลิตเม็ดพลาสติกที่หาดใหญ่มีกำลังการผลิต 60 ตัน/วัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้มาอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 1.7 พันล้านบาท แต่ก็ยังถือว่าสูงขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 607.78 ล้านบาท โดยในปีนี้จะมีรายได้จากการผลิตเม็ดพลาสติกเพิ่มเข้ามา 600-700 ล้านบาท แม้ว่าจะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เบื้องต้น 15 สายการผลิต และยังมีรายได้จากธุรกิจไอซีที 80 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจไฟฟ้า
ด้านกำไรตั้งเป้าเพิ่มเป็น 161 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไร 140,000 บาท โดยในปีนี้จะมีการรับรู้กำไรจากการขายไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตรวมในปัจจุบัน 27 เมกะวัตต์เข้ามาเต็มปี คาดว่าจะมีกำไร 60-70 ล้านบาทในปีนี้
นายภูษณ ยังกล่าวถึงการตัดสินใจยกเลิกแผนการเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 32.69 ล้านหุ้น ให้กับผู้ลงทุน 16 ราย ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.021 บาท หลังจากผู้ถือหุ้นรายย่อยหลายรายร้องเรียนไปยังสำนักงานกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เพราะไม่เห็นด้วยกับการตั้งราคาเสนอขายหุ้น PP ต่ำกว่าราคาหุ้น IEC ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ยอยู่ที่ 0.04 บาทว่า บริษัทตัดสินใจยกเลิกแผนดังกล่าวไป เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ถือหุ้นของบริษัทในวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม การยกเลิกแผนการเพิ่มทุนแบบ PP ของบริษัทนั้นจะไม่กระทบกับแผนการลงทุนและสภาพคล่องของบริษัท เนื่องจากบริษัทได้รับการสนับสนุนด้านสินเชื่อจากธนาคารธนชาตวงเงิน 270 ล้านบาท และกำลังจะได้รับการพิจารณาจากสถาบันการเงินหลายอื่นเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทมีความสามารถในการกู้ยืมเงินสูง โดยมีอัตราส่านหนี้สินต่อทุน (D/E) ในปัจจุบันอยู่ที่ 0.43 เท่า และรักษาระดับให้ไม่เกิน 1.5 เท่า แต่ในอนาคตก็ยังอาจจะมีแผนออกหุ้น PP เพื่อเสนอขายให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะกำหนดราคาไม่ต่ำกว่าราคาตลาด