TACC ตั้งเป้ารายได้ทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 15% เพิ่มสัดส่วนรายได้ตปท.เป็น 12%
TACC คาดรายได้ Q1/59 ดีกว่า Q1/58 จากการเพิ่มจุดติดตั้งเครื่องดื่มเย็นในโถกดเพิ่ม พร้อมตั้งเป้ารายได้ทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 15% ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 12% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 8% ของรายได้รวม และสนใจตลาดในประเทศจีน ซึ่งถือว่ามีศักยภาพที่เติบโตอย่างมาก โดยบริษัทจะเข้าไปร่วมกันกับพันธมิตรที่อยู่ในจีนในรูปแบบของ B2C
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรในไตรมาส 1/59 น่าจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มจุดติดตั้งเครื่องดื่มเย็นในโถกด เพิ่มเป็น 5,000 เครื่อง จากปีก่อน 2,000 เครื่อง และการขยายมุมกาแฟสดเพิ่มเป็น 2,300 จุด จากปีก่อนมีเพียง 1,000 จุด
นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มเครื่องกดเครื่องดื่มร้อนอัตโนมัติที่ปัจจุบันมีจำนวน 90 เครื่อง ซึ่งทั้งปีคาดว่าจะมีทั้งสิ้น 750 เครื่อง และในปี 60 จะเพิ่มอีก 750 เครื่อง ทำให้สิ้นปีหน้าจะมีเครื่องกดเครื่องดื่มร้อน 1,500 เครื่อง กระจายตาม ใน 7-Eleven ทั่วประเทศตามแผน มูลค่าลงทุนรวม 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ระดมทุนได้จากการขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในปีที่ผ่านมา
ขณะที่ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จาก 1,004 ล้านบาทในปีก่อน โดยได้รับอานิสงส์จากรายได้จากธุรกิจที่มีการร่วมพัฒนา (B2B) ร่วมกับ 7-Eleven ซึ่งถือเป็นคู่ค้าพันธมิตร ซึ่งในปีนี้คาดว่าสัดส่วนรายได้จาก B2B ในปีนี้จะอยู่ที่ 80-85% ของรายได้รวม ส่วนที่เหลือ 15-20% เป็นรายได้ที่มาจากสินค้าที่จำหน่ายออกสู่ผู้บริโภคโดยตรง (B2C) ภายใต้แบรนด์ของบริษัท เช่น เครื่องดื่มชาเขียว “เซนย่า” กาแฟ “วี-สลิม” เครื่องดื่ม”ณ อรุณ” และเครื่องดื่ม “สวัสดี”
อีกทั้ง บริษัทยังเตรียมขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา จีน และลาว ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 12% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 8% ของรายได้รวม และอยู่ระหว่างศึกษาการขยายช่องทางการส่งออกในต่างประเทศเพิ่ม
นอกจากนี้ บริษัทสนใจตลาดในประเทศจีน ซึ่งถือว่ามีศักยภาพที่เติบโตอย่างมาก และมีจำนวนประชากรสูง โดยบริษัทจะเข้าไปร่วมกันกับพันธมิตรที่อยู่ในจีนในรูปแบบของ B2C ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจากการนำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มนมทุเรียนผสมเนื้อทุเรียนเข้าไปบุกตลาด จากปัจจุบันบริษัทได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ผงชาเขียวไปยังประเทศกัมพูชาและสิงคโปร์แล้วพบว่ามีการเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าในปีนี้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศทั้งกัมพูชาและสิงคโปร์จะเพิ่มเป็น 20%
รวมทั้งมองการขยายผลิตภัณฑ์ไปยังจุดขายอื่นๆ ที่นอกเหนือจาก 7-Eleven หรือ B2B อื่นๆ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขณะที่ก็อยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับ 7-Eleven นอกเหนือจากเครื่องดื่ม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้