ดอลล์อ่อนค่าหลังเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโร (29 มี.ค.) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1298 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1206 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.4386 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4260 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้นแตะ 0.7637 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7544 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 112.74 เยน จากระดับ 113.28 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9661 ฟรังก์ จากระดับ 0.9736 ฟรังก์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากนางเยลเลน ได้เน้นย้ำในระหว่างการกล่าววสุนทรพจน์ที่สโมสรเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) เมื่อวานนี้ว่า เฟดจะยังคงทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ ประธานเฟดกล่าวว่า เฟดกำลังจับตาผลกระทบจากภาวะทรุดตัวของเศรษฐกิจโลก, ราคาน้ำมันที่ดิ่งลง และความผันผวนในตลาดหุ้น “เมื่อพิจารณาจากความเสี่ยงต่อแนวโน้มดังกล่าว เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง” นางเยลเลนกล่าว นางเยลเลนไม่ได้ระบุถึงกำหนดเวลาที่เฉพาะเจาะจงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหม่ หลังจากที่เฟดทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
นางเยลเลนกล่าวว่า สหรัฐเผชิญความเสี่ยงไม่มากนัก แต่การประเมินดังกล่าวอยู่ภายใต้ความไม่แน่นอนอย่างมาก ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในตะกร้าเงิน ลดลง 0.8% แตะที่ 95.137 ในช่วงท้ายของการซื้อขาย