IVL เผยเข้าซื้อสินทรัพย์ของ BP สำเร็จแล้ว คาด Q2/59 จะเสร็จสิ้นดีลในสเปน

IVL เผยเข้าซื้อสินทรัพย์ของ BP สำเร็จแล้ว คาด Q2/59 จะเสร็จสิ้นดีลในสเปน


นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส  จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการเข้าซื้อโรงงานผลิตเคมีภัณฑ์แบบครบวงจรเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโรงงานดังกล่าว ประกอบด้วยพาราไซลีน (PX) และ PTA (กำลังการผลิต 1,020,000 ตัน) และเคมีภัณฑ์ NDC (naphatalene dicarboxylate) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ของบริษัท BP Amoco Chemical Company หรือ BP ที่เมืองดีเคเตอร์ รัฐอลาบามา เมื่อคืนวาน (31 มี.ค.) บริษัทดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับโรงงาน AlphaPet ของไอวีแอลและเป็นผู้จำหน่ายสารตั้งต้น PTA ตั้งแต่เริ่มการผลิตในปี 52

โดยการเข้าซื้อครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของบริษัท ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทั้งในด้านการบริหารจัดการวัตถุดิบตั้งต้นให้มีใช้อย่างพอเพียง ความได้เปรียบด้านขนาดการผลิต ความเป็นเจ้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจให้แก่ลูกค้า

ทั้งนี้ การเข้าซื้อสินทรัพย์ของบริษัท BP นี้มีการประกาศเป็นดีลแรกในปี 59 และคาดว่าจะมีการประกาศเสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในไตรมาสที่ 2 ได้แก่ โรงงาน Cepsa ในเมืองกาดิซ ประเทศสเปน ซึ่งเป็นผู้ผลิต PET PTA และ IPA กำลังการผลิต 720,000 ตันต่อปี การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวเป็นไปตามแผนการบูรณาการ การขยายการผลิต การขยายเทคโนโลยีและธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั่วโลกเช่นเดียวกัน

สำหรับธุรกิจในรูปแบบเดียวกันกับในเมืองดีเคเตอร์ จะส่งเสริมให้เกิดการประหยัดต่อขนาดและการบูรณาการไปยังธุรกิจ PET อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ช่วยรองรับความต้องการที่เติบโตอย่างรวดเร็วของลูกค้าและผู้ถือหุ้น นอกจากการที่สร้างขนาดการผลิตในอเมริกาเหนือแล้วจะยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้จัดจำหน่ายอันดับต้นของลูกค้า และผลักดันแนวทางการเติบโตในฐานะบริษัทเคมีชั้นนำระดับโลก

ทั้งนี้ การเข้าซื้อโรงงานผลิตเคมีภัณฑ์แบบครบวงจร พาราไซลีน PTA และเคมีภัณฑ์ NDC ในเมืองดีเคเตอร์ สอดคล้องกับการลงมติคะแนนเสียงของคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา (The U.S. International Trade Commission) ในมาตรการตอบโต้การอุดหนุนและการทุ่มตลาดของการนำเข้าเม็ดพลาสติก PET จากประเทศจีน แคนาดา อินเดียและโอมาน ซึ่งมาตรการทางการค้าดังกล่าวจะช่วยปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานและอัตราการดำเนินงาน

Back to top button