ราคาทองปิดร่วงกว่า 12 ดอลล์ ตลาดวิตกข้อมูลศก.แข็งแกร่งหนุนเฟดขึ้นดบ.
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐนั้น อาจจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐยังกดดันให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย.ปิด (1 เม.ย.) ร่วงลง 12.1 ดอลลาร์ หรือ 0.98% แตะที่ 1,223.50 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดลดลง 41.8 เซนต์ หรือ 2.70% แตะที่ 15.046 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปิดร่วงลง 22.3 ดอลลาร์ หรือ 2.28% แตะที่ 955.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดลดลง 3.10 ดอลลาร์ หรือ 0.6% แตะที่ 560.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า เฟดอาจจะพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานขยับขึ้น 0.1% แตะระดับ 5% หลังจากทรงตัวที่ 4.9% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี
รายงานของกระทรวงฯระบุว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 20,000 ตำแหน่ง ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 51.8 ในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 49.5 ในเดือนก.พ. โดยดัชนีภาคการผลิตในเดือนมี.ค.อยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 50.7
ทั้งนี้ ดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐมีการ หลังจากที่อยู่ในภาวะหดตัวติดต่อกัน 5 เดือน นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ยังกดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า