SENA ลั่นรายได้ปีนี้โต 40% แตะ 3.5 พันลบ.ตั้งเป้าขายไฟฟ้า 100 MW ใน 3 ปี

นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรับรู้รายได้เติบโต 40% อยู่ที่ 3,500 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 2,200 ล้านบาท จากที่มียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 3,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งจะรับรู้ปีนี้ 2,000 กว่าล้านบาท ที่เหลือปีถัดไป

ส่วนแนวโน้มยอดขายไตรมาส 1/59 คาดอยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งทั้งยอดขายและยอดโอน ไตรมาส 1/59 จะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่คาดยอดขายครึ่งแรกน่าจะอยู่ที่ราว 2,000 ล้านบาท และครึ่งหลังจะมากกว่า ซึ่งเป็นปกติที่ยอดขายครึ่งแรกจะต่ำกว่าครึ่งหลัง

โดยทั้งปีบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 4,500 ล้านบาท มาจากโครงการเดิมที่ขายอยู่ 33 โครงการ และเปิดโครงการใหม่ปีนี้อีก 9 โครงการ รวมมูลค่า 5,390 ล้านบาท แนวราบและคอนโดมิเนียมอย่างละครึ่ง เพื่อบาลานซ์พอร์ต ซึ่งเปิดไปแล้ว 2 โครงการ ทั้งนี้ บริษัทมีโครงการที่เข้าร่วมบ้านประชารัฐทั้งสิ้น 5 โครงการ จำนวน 500 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 750 ล้านบาท เป็นบ้านสร้างเสร็จแล้ว

อีกทั้ง เตรียมเปิด 9 โครงการใหม่ โครงการแนวราบได้แก่ เสนาวิลล์ บรมราชชนนี สาย 5 ,เสนาพาร์ควิลล์ รามอินทรา-วงแหวน, เสนาพาร์ค ทาวน์ รามอินทรา – วงแหวน ,PCC New Residence โครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่ The Niche Mono บางนา เฟส 3 ,The Niche ID พระราม 2 เฟส 2 ,The Niche MONO สุขุมวิท 50 ,The Kith Plus สุขุมวิท 113 เฟส 1 ,The Kith Lite บางกะดี เฟส 2 มูลค่าโครงการรวม 5,390 ล้านบาท

ส่วนงบลงทุนรวมปีนี้ตั้งไว้ที่ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 800 ล้านบาท ซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯในอนาคต และเพื่อบริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด จำนวน 200 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทนซึ่งเป็นการขยายการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ ของ SENA โดยผ่าน “บริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด” ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิต 46.5 เมกะวัตต์ ในจังหวัดสระบุรี และนครปฐม จะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 เป็นต้นไป โดยจะรับรู้เข้ามาในรูปของเงินปันผลประมาณ 40-50 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าขายไฟฟ้าให้ได้ถึง 100 เมกะวัตต์ (MW) ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันมีในมือ 46.5 MW  โดยคาดว่าจะใช้เงินอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อให้ได้ 100 MW หรือลงทุนราวปีละ 200-300 ล้านบาท โดยในปีนี้ส่วนใหญ่เป็นการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา(โซลาร์รูฟท็อป) มากกว่าธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์ฟาร์ม) เพราะปีนี้โซลาร์ฟาร์มทำยากมากขึ้นซึ่งขึ้นกับนโยบายภาครัฐ เพราะฉะนั้นปีนี้เราจะบุกโซลาร์รูฟที่จะเข้าไปติดตั้งมากกว่า ซึ่งคุยกับโรงงานไว้  2-3 แห่ง และอพาร์ทเมนท์อีก

อย่างไรก็ดี ปีนี้สัดส่วนรายได้จะมาจากการขายโครงการอสังหาฯ 87% รายได้ค่าเช่าและบริการ 7% รายได้จากกลุ่มโซลาร์ 6% ขณะที่ในอนาคตอยากให้สัดส่วนเป็นจากการขายโครงการอสังหาฯ 80% รายได้ค่าเช่าและบริการ 10% รายได้จากกลุ่มโซลาร์ 10%