ASN เตรียมขายไอพีโอ 30 ล้านหุ้น 3 โบรกฯชั้นนำชี้เป้าเฉลี่ย 8.20 บ.

ASN เตรียมขายไอพีโอ 30 ล้านหุ้น 3 โบรกฯชั้นนำชี้เป้าเฉลี่ย 8.20 บ.


บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASN เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้น IPO โดยโบรกชั้นนำ 3 แห่ง มองเป็นธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูง สอดรับการเข้าสู่ยุคดิจิตอลอินชัวรันซ์และฟินเทค โดยมีบริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน พร้อมเล็งเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)           

โดยนักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ชั้นนำ 3 แห่งได้แก่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บล.ทรีนีตี้ จำกัด และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัท บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย ประกันรถยนต์ ประกันชีวิต และประกันสุขภาพ ระดับแนวหน้าของประเทศไทย ประเมินราคาเป้าหมายเฉลี่ย 8.20 บาทต่อหุ้น และให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 8.40 บาทต่อหุ้น สะท้อนได้ว่าหุ้น ASN มีอนาคตสดใส มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น จาก 2 โครงการขยายธุรกิจได้แก่

1.โครงการพัฒนาระบบ E-Commerce ที่จะเป็นการต่อยอดการพัฒนา Platform ในการขายประกันออนไลน์อย่างครบวงจร ที่จะสามารถเสนอบริการ One Stop Service ให้แก่ลูกค้าได้ตั้งแต่การค้นหาข้อมูลด้านประกัน การเปรียบเทียบ การสั่งซื้อ การชำระเงิน รวมไปถึงการรับกรมธรรม์ ได้อย่างเบ็ดเสร็จ โดยจะมีผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าเลือกซื้ออย่างหลากหลายและตรงตามความต้องการในราคาที่เหมาะสมโดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการใน Q3 ปีนี้

2. โครงการขยาย Seat พนักงานขายทางโทรศัพท์ อีก 100 Seat ซึ่งจะทำให้รายได้จากช่องทางการขายเดิมของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยจะเริ่มใน Q2 ปีนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าจากแผนการลงทุนทั้ง 2 โครงการจะทำให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2559และเติบโตต่อเนื่องระยะยาว นอกจากนี้บริษัทมีนโยบายการจ่ายปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและสำรองตามกฎหมาย

ทั้งนี้ จากบทวิเคราะห์ โบรกเกอร์ พบว่า ASN เป็นบริษัทฯ ที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างโดดเด่น สอดรับการการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิตอล ที่หันมาซื้อสินค้าและบริการผ่านอินเตอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนมากยิ่งขึ้น

โดยข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ปัจจุบันธุรกิจ E-Commerce มีมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2559 มูลค่าตลาด E-Commerce – B2C จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 230,000 – 240,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวประมาณ 15-20% จากปี 2558 รวมถึงกระแสฟินเทค (Financial Technology) ที่กำลังมาแรงในขณะนี้

โดยในส่วนของพฤติกรรมการทำประกันจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ซึ่งจากผลสำรวจผู้บริโภคทั่วโลกของบริษัท Bain & Company คาดว่าผู้บริโภคจะมีการทำธุรกรรมด้านประกันผ่านระบบออนไลน์มากขึ้นจากประมาณ 35-70% ในแต่ละประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 79% นอกจากนี้ปัจจัยที่สำคัญคือการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมประกันภัยและประชีวิตในประเทศไทย

อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล โดยมีค่าเบี้ยประกันรถยนต์และ ประกันชีวิตรวมกว่า 6 แสนล้านบาท โดยถือเป็นโอกาสที่บริษัทฯ จะเพิ่มส่วนแบ่งจากตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลนี้ตามแผนการลงทุนในการพัฒนา Platform E-Commerce และแผนการเพิ่ม Seat ของพนักงานขายทางโทรศัพท์ เพื่อให้บริการลูกค้าได้ทุกกลุ่มและให้บริการได้อย่างครบวง และ ด้วยจุดแข็งของบริษัทฯ ที่ทีมผู้บริหารและทีมงานมีประสบการณ์ในธุรกิจประกันมากกว่า 10 ปี อีกทั้งผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในงานด้านไอทีกว่า 30 ปี ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการของ ASN เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

จากบทวิเคราะห์ของเคจีไอ นักวิเคราะห์ให้เป้าหมาย 8.30 บาท โดยเห็นว่า ปี 59-60 ผลประกอบการโตอย่างมาก จากแผนการลงทุนในระบบ E-Commence ที่จะให้บริการขายประกันทางออนไลน์ แบบ One Stop Service ให้แก่ลูกค้าได้ตั้งแต่การค้นหาข้อมูลด้านประกัน การเปรียบเทียบ การสั่งซื้อ การชำระเงิน รวมไปถึงการรับกรมธรรม์ ซึ่งจะส่งผลให้ ASN สามารถชิง Market share จากเบี้ยประกันในตลาดที่มีมูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท รวมถึงการเพิ่มขึ้นของ Seat ของพนักงานขายทางโทรศัพท์จำนวน 100 Seat และด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ในธุรกิจโปรกเกอร์ประกัน หนุน ASN มีโอกาสเติบโตออย่างก้าวโดดในปี 2559

ขณะที่บทวิเคราะห์ของ Finansia Syrus ให้เป้าหมาย 8.40 บาท โดยมีมุมมองต่อธุรกิจเติบโตเท่าตัว 2 ปีติดต่อกัน จาก E-Commence จะพลิกโฉมธุรกิจของบริษัทสู่ Digital Broker รุกคว้า Market Share จากตลาดที่มีมูลค่าค่าเบี้ยประกวันกว่า 6 แสนล้านบาท พร้อมกับการขยายทีมพนักงานขาย และการจัดกลุ่มลูกค้า (Segmentation) ให้ตรงตามความต้องการของบริษัทประกันคู่ค้า ซึ่งส่งผลให้ได้ % นายหน้าจะเพิ่มขึ้น เช่นกัน

ส่วน บทวิเคราะห์ของ Trinty นักวิเคราะห์ให้เป้าหมายราคาหุ้น ASN ที่ 7.9 บาทต่อหุ้นโดยมองว่าจะมีการเติบโตแรงในปี 59-60 จากการขยายธุรกิจเดิมและ E-commerce จากกามีที่บริษัทมุ่งพัฒนา E-commerce สู่การเป็น FinTech Digital Insurance ซึ่งมองว่ตลาดเบี้ยประกันโดยรวมยังมีแนวโน้มขยาตัวต่อเนื่องมีตลาดมากกว่า 6แสนล้านบาท โดยคาดว่ารายได้จากการขยายประกันภัยรถยนตร์และ E-Commerce จะเป็นแรงหนุนสำคัญ ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในอนาคต

ปัจจุบัน บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิตมีบริษัทประกันคู่ค้าชั้นนำกว่า 16 แห่งโดยรายได้หลักกว่าร้อย 75 มาจากนายหน้าประกันวินาศภัย โดยปัจจุบันบริษัทดำเนินการขายประกันรถยนต์ผ่านพนักงานขายทางทางโทรศัพท์เป็นหลัก ประกอบด้วยประกันรถยนต์ทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจ

นอกจากนี้บริษัทยังดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันชีวิต ซึ่งดำเนินงานผ่านบริษัท เอเอสเอ็น ไลฟ์ โบรกเกอร์ จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ทั้งนี้บริษัทมีจุดแข็งในการจัดการบริหารข้อมูลด้วยระบบไอทีซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งบริษัทมุ่งเน้นการดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและการให้บริการที่เป็นเลิศ

โดยปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 65 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้วทั้งหมด 50 ล้านบาท มีจำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 30 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ที่ 0.50 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 23.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO

โดยการเสนอขาย IPO นี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้พัฒนาระบบฐานข้อมูลและระบบอี-คอมเมิร์ซ (E-Commerce) ใช้ลงทุนในการขยายจำนวน Seat ของพนักงานอีกจำนวน 100 seat และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ    

สำหรับผลการดำเนินงานมีผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2558 รายได้รวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีทั้งสิ้น 161 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เท่ากับ 35.9% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) เท่ากับ 15.30%

ในขณะที่มี ROA และ ROE อยู่ในระดับที่โดดเด่นโดย ROA และ ROE ในปี 2558 เท่ากับ 27.89% และ 56.59% ตามลำดับ ประกอบกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวม 106 ล้านบาท และ 43 ล้านบาทตามลำดับ โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ที่ 0.68 เท่า

Back to top button