น้ำมันดิบปิดบวกหลังจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯลดลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ หลังจากมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลดลง และจีนนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 1.6% ปิด (11 เม.ย.) ที่ 40.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 2.1% ปิดที่ 42.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ หรือนับตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. หลังจากเบเกอร์ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านข้อมูลพลังงานในสหรัฐ รายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลดลง 8 แท่น สู่ระดับ 354 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจาก 7 บริษัทผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ของสหรัฐ จะลดลง 114,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนพ.ค. จากสถิติของเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่า จีนนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเกือบ 25% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 31.8 ล้านตัน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ในวันที่ 17 เม.ย.ที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า แม้ว่าที่ประชุมกลุ่มผู้ผลิตจะตกลงกันได้ในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต แต่ก็จะไม่ช่วยให้ตลาดน้ำมันกลับมาอยู่ในภาวะสมดุลได้ เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก (ยกเว้นอิหร่าน) และรัสเซียนั้น ยังคงอยู่ใกล้กับระดับคาดการณ์โดยเฉลี่ยของโกลด์แมน แซคส์ ที่ 40.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปีนี้
ขณะที่นักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์ส มองว่า การประชุมครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันแค่ในวงจำกัดเท่านั้น เนื่องจากประเทศผู้ผลิตบางรายที่มีศักยภาพการผลิตน้ำมันสูงนั้น อาจจะไม่เห็นด้วยกับการตรึงเพดานการผลิต นอกจากการประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่เมืองโดฮาแล้ว นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จาก EIA ในวันพุธนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย