น้ำมันดิบปิดร่วงกว่า 2% หลังรัสเซีย-สมาชิกโอเปกส่งสัญญาณเพิ่มการผลิต
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด หลังจากรัสเซียและสมาชิกในกลุ่มโอเปกบางประเทศได้ออกมาส่งสัญญาณว่าจะปรับเพิ่มการผลิต นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้นักลงทุนลดความต้องการซื้อสัญญาน้ำมันดิบ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 1 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิด (21 เม.ย.) ที่ 43.18 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ดิ่งลง 1.27 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 44.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น เนื่องจากได้แรงหนุนหลังนายฟาติห์ บิรอล ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะดีดตัวขึ้นในช่วงปลายปี 2559 หรืออย่างช้าภายในปี 2560 เนื่องจากอุปสงค์ที่กำลังขยายตัวในเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดียและจีน
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา หลังจากรัสเซีย และประเทศสมาชิกในกลุ่มโอเปกบางประเทศ รวมถึงซาอุดิอาระเบีย อิหร่าน และลิเบีย ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าจะเพิ่มการผลิต นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ภายหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 247,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 เม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.1973