จับตา 8 ประเด็นเด็ดกด-ดันดัชนีวันนี้
จับตา 8 ประเด็นเด็ดกด-ดันดัชนีวันนี้
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (27 เม.ย.) ว่ายังมีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดวันนี้ SET น่าจะ Sideways up ทดสอบ High เดิม จากสภาพคล่องในระบบที่อยู่ในระดับสูง หุ้น Blue Chips จะนำตลาดอย่าง SCC ที่คาดงบไตรมาส 1/59 จะออกมาดี PTT และ PTTEP ก็ขานรับราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น สำหรับกลุ่มแบงก์น่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากลงแรงก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดีหุ้นขนาดเล็กอาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังปรับขึ้นแรงก่อนหน้านี้ สำหรับผลประชุมเฟดคืนนี้น่าจะมีเซอร์ไพส์ตลาดในเชิงบวก คือนอกจากไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้วอาจมีการปรับลดคาดการณ์จีดีพีสหรัฐและยังไม่มีสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. หรืออาจเลื่อนออกไปเป็นปลายปีแทน ซึ่งจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นและค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าต่อเนื่อง
กลยุทธ์วันนี้: Selective BUY/ ซื้อเมื่ออ่อนตัว
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: KTC (รายได้ยอดใช้บัตรเครดิตเติบโตดีต่อเนื่อง), BIG (แนวโน้มกำไรดีกว่าคาดมาก)
ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปีนี้ : ท่องเที่ยว โรงพยาบาล สินเชื่อรายย่อย และ รับเหมาก่อสร้าง
Top picks ปีนี้: BDMS, SAWAD, TKN, VIBHA, CK, CPN, KCE, TOP, BEM และ EPG
หุ้น/ข่าว/ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับยูโรเนื่องจากตลาดคาดว่าเฟดไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในประชุม FOMC คืนนี้ อีกทั้งยังเชื่อว่าเฟดจะเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นเดือนส.ค หรือก.ย จากเดิมคาดว่าจะปรับขึ้นในเดือนมิ.ย.2559
(+) เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดพันธบัตรไตรมาสแรกปีนี้ 9.8 หมื่นล้านบาท จากที่ไหลออกสุทธิ 1.13 แสนล้านบาทในปี 2015 ซึ่งถือเป็นการไหลกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว เชื่อว่าเกิดจากภาวะเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพมากสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในตลาดเกิดใหม่ ส่งผลให้ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า
(+) เมื่อคืนราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย กลับมาปรับขึ้น 3.3% อยู่ที่ US$44.04/บาร์เรล จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาหุ้น PTT และ PTTEP แต่ไม่มาก เพราะยามที่ราคาน้ำมันดิบปรับลงราคาหุ้นทั้งสองบริษัทก็ไม่ได้ปรับลงตามราคาน้ำมันดิบเท่าไรนัก อย่างไรก็ตามเรายังแนะนำหุ้นกลุ่มพลังงานเพียง Neutral
(-) ธปท. รายงานยอด NPL เดือนมี.ค. ของระบบธนาคารที่ยังไม่หักสำรอง มีมูลค่า 3.58 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.64% ของสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 19.66% จากปีก่อน และ5.88% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้คาดว่า NPL ในระบบสถาบันการเงินจะเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังไม่พื้นตัว ดังนั้นเราจึงยังเชื่อว่าแนวโน้มผลประกอบการของหุ้นกลุ่มแบงก์ยังไม่สดใส
(+) SCC (ซื้อ/เป้า 520) – คาดไตรมาส 1/59 กำไรสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท 5% จากไตรมาสก่อน และ 9% จากปีก่อน แนวโน้มยังเติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมีและซีเมนต์ แม้ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นรับคาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 ที่คาดว่าจะออกมาดีแล้วค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามเชื่อว่าราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับต้วสูงขึ้นได้เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานที่ 520 บาท
(+) KTC (ซื้อ/เป้า 110) – Roadshow กองทุนในประเทศได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ KTC เติบโตดีต่อเนื่องและดีกว่าคาด ประกอบกับมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีและ NPL ต่ำ ไม่ต้องตั้งสำรองเพิ่ม
(+) LPH (ซื้อ/เป้า 8.5) – คาดไตรมาส 1/59 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 145% จากปีก่อน และflat จากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ดีราคาหุ้นได้ปรับขึ้นรับผลประกอบการไตรมาส 1/59 ที่จะออกมาดีแล้ว แต่หากกำไรดีกว่าคาดเชื่อว่าราคาหุ้นน่าจะปรับขึ้นแตะระดับ 9 บาท ปัจจุบัน LPH ซื้อขายกันที่ระดับ PE 38.75 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มโรงบาลที่ 41 เท่า
(-) PTTGC (ลดเกรดเป็น ขาย/เป้า 56) – คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 ประมาณ 4.5 พันล้านบาทลดลง 6% จากไตรมาสก่อน จากปิดซ่อมบำรุงโรงปิโตรเคมี HDPE และ LLDPE และธุรกิจโรงกลั่นหดตัวจากค่าการกลั่นที่อ่อนแอ